เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุนทร ทองพงษ์เนียม สว.กก.สส.1ฯ ,ร.ต.อ.ปรัชญา โคตรสาขา รอง สว.กก.สส.1ฯพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1ฯ ชุดปฎิบัติการที่ 3 ดำเนินการจับกุมตัว
นายนรีรัตน์ อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
โดยกล่าวหาว่า
(1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก
(2) ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่าวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น
(3) เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว โฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใด ๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าวัตถุ หรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด มาตรา 287/1 ผู้ใดครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่ หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)” ของกลาง คือ 1. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Iphone รุ่น 13 Pro Max (ของกลางลำดับที่ 1) 2. แท็บเล็ตยี่ห้อ Ipad รุ่น Air 2 สี ขาว (ของกลางลำดับที่ 2) สถานที่จับกุม หอพัก ซ.สวนหลวง แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร กล่าวคือ ตามคำสั่งการของศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศพดส.บช.น.) ให้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (TICAC) กองบัญชาการตำรวจนครบาล ดำเนินการสืบสวน หาข่าวและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลพบสื่อลามกอนาจารนั้นอยู่ในแอปพลิเคชั่น X ซึ่งจะมีการอัพโหลดและดาวน์โหลดสื่อลามกอนาจารเด็ก เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต จากการตรวจสอบพบว่าหมายเลขโทรศัพท์ ได้ผูกลงทะเบียนไว้กับทวิตเตอร์ โดยผูกชื่อผู้ใช้งานทวิตเตอร์ดังกล่าวใช้ชื่อว่า Nareerat พ.ต.ท.สุนทร ทองพงษ์เนียม สว.กก.สส.1ฯ ร.ต.อ.ปรัชญา โคตรสาขา รอง สว.กก.สส.1ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1ฯ ชุดปฎิบัติการที่ 3 ซึ่งได้ทำการสืบสวน และรวบรวมข้อมูลจากรายงานมาโดยตลอด
ซึ่งปรากฎจากรายงานสื่อลามกอนาจารที่เกี่ยวข้องกับเด็ก พบว่ามีการปรากฎของสื่อลามกอนาจารนั้นอยู่ในแอปพลิเคชั่น X ซึ่งจะมีการอัพโหลดและดาวน์โหลดสื่อลามกอนาจารเด็ก เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต
จากการตรวจสอบพบว่าหมายเลขโทรศัพท์ ได้ผูกลงทะเบียนไว้กับทวิตเตอร์ โดยผูกชื่อผู้ใช้งานทวิตเตอร์ดังกล่าวใช้ชื่อว่า Nareerat ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่า นายนรีรัตน์ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จึงมีเหตุอันน่าเชื่อว่า นายนรีรัตน์ มีพฤติการณ์ในลักษณะการผลิตและครอบครองสื่อลามกอนาจาร รวมทั้งมีการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ในช่องทางทวิตเตอร์ ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายนรีรัตน์ พักอาศัยอยู่ห้องพัก ในคอนโด ซ.สวนหลวง แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 ต.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาธนบุรี เพื่อขออนุมัติขอออกหมายค้น ณ ห้องพักดังกล่าว ต่อมาศาลอาญาธนบุรีได้อนุมัติหมายค้น เพื่อทำการตรวจค้นฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปยังห้องพักดังกล่าว เมื่อเดินทางไปถึง พบนายนรีรัตน์ ซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในห้องดังกล่าว แสดงตนเป็นเจ้าของห้องและผู้พักอาศัย จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงความประสงค์ในการขอเข้าทำการตรวจค้นและยึดสิ่งของ สื่อลามกอนาจารเด็กและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ พร้อมทั้งได้แสดงหมายค้นดังกล่าวให้นายนรีรัตน์ฯ ทราบและเข้าใจดีแล้ว ต่อมาจึงเข้าทำการตรวจค้น
จากการตรวจค้นภายใน ห้องดังกล่าวพบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Iphone รุ่น 13 Pro Max และ แท็บเล็ตยี่ห้อ Ipad รุ่น Air 2 สี ขาว โดยรับว่า โทรศัพท์และแท็บเล็ตดังกล่าวเป็นของนายนรีรัตน์ฯจริง จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์และ แท็บเล็ต ดังกล่าว ปรากฏว่า พบสื่อลามกอนาจารทั้งคลิปวิดีโอและภาพถ่ายของเด็กและผู้ใหญ่เป็นจำนวนมาก อยู่ในไฟล์คลังวีดีโอและคลังภาพ ในมือถือของผู้ถูกจับกุม จากการสอบถามนายนรีรัตน์ฯ รับว่า คลิปอนาจารบางส่วนตนได้ทำการโหลดเก็บเอาไว้เพื่อสนองความต้องการของตนเอง และบางคลิปอนาจาร ก็เป็นคลิปที่ได้มีเพศสัมพันธ์กันกับเด็กหรือเยาวชน (ซึ่งอายุ ไม่เกิน 18 ปี) และบุคคลทั่วไปที่รู้จักพูดคุย และนัดหมายมาพบกัน และต่างฝ่ายต่างมีเพศสัมพันธ์กันตามสถานที่ที่ได้ตกลงนัดหมายกันอาทิคอนโด หอพัก หรือรีสอร์ท แล้วแต่กรณี จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ของผู้ถูกจับพบว่าในเว็ปไซด์ onlyfans พบว่ามีผู้ติดตามจำนวน 236 คน ผู้กดถูกใจประมาณ 10,600 คน และพบคลิปลามกอนาจาร(ขณะมีเพศสัมพันธ์กัน) ของผู้ถูกจับกับบุคคลอื่นเป็นจำนวนมาก (จำนวน 191 คลิป) . ในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับกุมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา รับว่า คลิปสื่อลามกอนาจารดังกล่าวเป็นของตนที่ได้อัพโหลดลงไว้เพื่อให้หารายได้ จากการที่มีบุคคลที่สนใจสมัครเข้ามาดูคลิปอนาจารที่ตนได้ลงไว้ โดยจะได้รับค่าตอบแทนของสมาชิกที่เข้ามาดูเป็นรายคนๆละ 7 – 11 ดอลล่าห์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 200-300 บาท/1 account /1 เดือน) โดยได้เริ่มสมัครเป็นสมาชิกใน OnlyFans ตั้งแต่ปี 2562 เรื่อยมา
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ถูกจับมีรายได้จากการผลิตและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารตั้งแต่เริ่มทำจนถึงปัจจุบัน คิดเป็นเงิน 161,963.44 ดอลล่าสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,412,724.8 บาท) โดยเงินค่าตอบแทนดังกล่าวจะโอนเข้าบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี นายนรีรัตน์ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวและของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป . ;พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ขอแจ้งเตือนว่า เซ็กซ์ครีเอเตอร์(Sex Creator) หรือพอร์นฮับเบอร์(Porn hubber)นำภาพหรือคลิปของตนเองในลักษณะลามกอนาจาร เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ผ่าน เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น OnlyFans หรือเว็บไซต์อื่นที่มีลักษณะเดียวกัน รวมถึงกลุ่มลับต่าง ๆ ที่เปิดรับสมาชิกและมีการเรียกเก็บค่าเข้ากลุ่ม เพื่อรับชมคลิปหรือภาพลามกอนาจาร
โดยผู้ที่ปรากฏในคลิป ผู้ผลิต หรือ ผู้นำคลิปไปเผยแพร่ ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากผู้อื่นเป็นค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าวนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ครอบครองสื่อลามกเด็ก หรือ Child Pornography (บุคคลในสื่อลามกอายุต่ำกว่า18ปี)ฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แม้พฤติการณ์ดังกล่าวในหลายประเทศอาจถือว่าไม่เป็นความผิด แต่สำหรับประเทศไทย กฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นความผิดอย่างชัดเจน จึงขอให้เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมาย
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.กรุงเทพมหานคร รายงาน