ในปัจจุบันนั้นการแข่งขันนั้นเริ่มมีมากขึ้นซึ่งมีคนหลายคนนั้นก็อยากจะเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองซึ่งวันนี้ทางทีมงานก็จะนำหนึ่งเรื่องราวของคนเกษตรที่จับพัดจับหูมาทำเกษตรแบบเล่นเล่นแต่ดันได้กำไรถึงเดือนละ 100,000 เลยทีเดียว
โดยคุณชารีย์ บูญญวินิจ ซึ่งเป็นอดีตตรงออฟฟิศวัย 28 ปีในตอนแรกเขานั้นได้เปิดบริษัทรับจ้างออกแบบเป็นของตัวเองเพราะจบทางด้านมณฑลสินแต่กลับกลายเป็นเจ๋งไม่เป็นท่าเลย 1000 ตัวไปเป็นกุ๊กอยู่ที่อเมริกานานหลายปีจนนำความรู้มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอีกครั้ง
แต่ก็ดันไปไม่ได้หลังจากนั้นเค้าก็หาวิธีที่จะทำอย่างไรให้ความรู้นั้นเกิดประโยชน์จึงพาตัวเองนะไปหาความรู้ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งหลังจาก ที่ได้ความรู้นั้น เค้าก็เกิดปิ๊งไอเดียการเลี้ยงไส้เดือนปรัยาสลายผักซึ่งเริ่มแรกเค้าเลี้ยงแค่ห้าถึง 10 กะละมังในโรงรถเท่านั้น
จากนั้นทำไปทำมาซึ่งปุ๋ยมูลไส้เดือนนั้นมีมากไม่รู้จะนำไปใช้อะไรจึงชักชวนเพื่อนที่เป็นมื้อออฟฟิศกินเงินเดือนอีกสี่คนมานั่งวางแผนปลูกผักและปุ๋ยที่ได้จากมูลไส้เดือนนั้นไปใช้
การรวมตัวทั้งห้าคนนี้ทุกคนนั้นไม่เคยมีความรู้ในเรื่องของเกษตรกรมาก่อนซึ่งทุกคนนั้นต่างคิดว่าจะทำกันเล่นเล่นขำๆจึงตั้งสามขึ้นเป็นห้าฟาร์มเป็นฟาร์มขนาดเล็กเล็กมีทั้งฟาร์มผัดสลัดหน่อไม้ฝรั่งเห็ดฟางกุ้งและฟาร์มไส้เดือน
โดยฟาร์มเหล่านี้มีพื้นที่ทั้งในเมืองและต่างจังหวัดซึ่งก็เริ่มจัดการทำอะไรง่ายง่ายไม่ต้องคิดเยอะไม่ต้องใหญ่โตไม่ต้องลงทุนสูงและพยายามหาทางที่ทำให้น่าสนใจ โดยผลผลิตที่ได้นั้นจึงเอามาขายที่หน้าฟาร์มสมาคมชมเดือนและพระอีกทางหนึ่งก็คือฝากขายตามร้านอาหารทั่วไปอีกทั้งยังเปิดเว็บไซต์ซึ่งการทำอย่างนี้ทำให้ทั้งห้าคนนั้นมีอะไรได้เข้ามาอย่างมากมายอีก
ทั้งทั้งห้าคนนี้ยังมีความคิดที่จะช่วยกันขยายพื้นที่การทำเกษตรไปเรื่อยเรื่อยซึ่งมันก็เป็นผลดีได้ด้วยรายได้หลักแสนต่อเดือน โดยคุณชารีย์นั้นได้ทำเกษตรโดยใช้โรงรถในเพชรเกษม 46 บางหว้า
ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเพาะพันธ์ไส้เดือนและกะละมังซักผ้าหนึ่งใบจากนั้นเค้าก็ใส่ขี้วัวลงไปประมาณ 5 กิโลกรัมและใส่ผักลงไปอีกประมาณห้าถึง 6 กิโลกรัมและเอาไซด์เหลืออีกประมาณ 500 ตัวใส่ลงไปจากนั้นก็ผมน้ำให้เกิดความ ความชุ่มชื้นทิ้งไว้ประมาณหนึ่งเดือน
จากนั้นเขาก็ได้ป่วยประมาณ 10 กิโลตรงโรงรถนั้นไม่มีที่พอจะเก็บจึงจัดเป็นต้องขยาย ซึ่งเขาก็ต้องตกใจเพราะว่าการถ่ายเป็นปุ๋ยนั้นกลับได้รายได้ดีเพราะขายอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาทต่อตัน
โดยทุกวันนี้มีออเดอร์ต่างๆซึ่งนำไปส่งในบ่อเลี้ยงกุ้งบ้างหรือไปบำบัดน้ำเสียได้เดือนละ 80 ตันซึ่งเขาก็ยังขายไส้เดือนได้อีกเป็นกิโลละ 1000 บาทซึ่งขายได้เดือนละ 150 กิโลและสามารถจะส่งทำบ้านอีกเดือนละ 40 ชุด
และยังไม่รวมกับการเปิดอบรมการดีไซน์เด็กให้กับผู้สนใจอีกเดือนละ 60 คนซึ่งทั้งหมดนี้พอรวมรายได้แล้วเขาก็ได้ประมาณ 1,000,000 กว่ากว่า พอหักลบกบนี่และเหลือต้นทุนก็ประมาณเราราว 500,000 บาทซึ่งมาหารกันห้าคนก็ได้รับกันไปคนละ 100,000 บาทต่อเดือนซึ่งถือว่าเป็นเงินเดือนที่ได้รับมากกว่าตอนที่ทำงานออฟฟิศเพราะว่าไส้เดือนเท่านั้นนะ
ซึ่งหากใครสนใจในการเลี้ยงไส้เดือนก็ลองติดต่อไปที่เว็บไซต์สมาคมชมเดือนดูได้บอกเลยว่าเค้ามีเปิดให้อบรมกับการเลี้ยงไส้เดือนสำหรับคนที่สนใจในการเรียนบอกเลยว่านี่เป็นอีกหนึ่งแนวทางหนึ่งสำหรับคนที่คิดจะหารายได้เสริมให้กับครอบครัวของตัวเองก็ลองวิธีนี้ดูนะคะ
Post Views: 100