Tuesday, 16 April 2024

วิธีปลูกกะเพราแดง ให้งามไว เก็บได้นาน มีประโยชน์ทางสมุนไพรมากมาย

กะเพราเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุเฉลี่ย 1-2 ปี ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวไปได้เรื่อยๆ ทุก 15-20 วัน การเลือกพื้นที่ปลูกควรเป็นที่ดอน แต่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ สามารถนำน้ำมาใช้รดได้สะดวก ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมขัง ปกติกะเพราสามารถขึ้นได้ดีในดินทุกชนิด แต่จะชอบดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ดีร่วนซุย ระบายน้ำดี อยู่ใกล้ที่พักอาศัย อยู่ไม่ไกลจากตลาดหรือแหล่งรับซื้อมากนัก และการคมนาคมสะดวก

ก ะ เ พ ร า แ ด ง แต่มีลักษณะที่แตกต่างกัน โดยกะเพราแดงจะมีใบและกิ่งสีเขียวปนแดงคล้ำ และให้กลิ่นที่จัดจ้านมากกว่ากะเพราเขียว ประเทศในทวีปเอเชียเราได้นำใบกะเพรามาปรุงอาหารมาช้านาน

ทั้งนำมาปรุงสดๆ แม้กระทั่งในผัดกระเพรา ที่ในกรุงเทพหรือภาคกลางอาจใช้กะเพราเขียว แต่หากขึ้นไปทางภาคเหนือ เราจะได้ลิ้มลองความจัดจ้านของกระเพราแดง เพราะทางเหนือนิยมใช้ใบกะเพราแดงมาเป็นส่วนผสมในการผัดกะเพรามากกว่ากะเพราเขียว เพราะกะเพราแดงมีน้ำมั น หลายชนิดเป็นส่วนประกอบ ทั้งน้ำมันระเหยและไม่ระเหย

กระเพราแดง เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ชอบอากาศร้อน ลำต้นเฉลี่ยสูงประมาณ ไม่เกิน 70 เซนติเมตร การแตกใบจะแตกใบเดี่ยวแบบตรงข้าม ใบและลำต้นปกคลุมด้วยขนอ่อน ผลิ ดอก เป็นช่อปลายแหลม เรียงตัวกันเป็นชั้นๆ โดยสามารถปลูกกระเพราแดงในทุกสภาพดิน

แต่ถ้าปลูกในดินที่โปร่งร่วน ระบายน้ำดี จะได้ผลผลิตดีกว่า สามารถปลูกได้ทั้งแบบเมล็ดที่จะต้องรอเวลาเพาะกล้ามากกว่าและการชำกิ่งที่สะดวกรวดเร็ว โดยต้องเว้นระยะการปลูกเผื่อต้นไม้แตกพุ่มราว 30 เซนติเมตร

การดูแลต้นกะเพราแดง ต้องหมั่ นให้น้ำทั้งเช้าเย็น และต้องได้รับแดดเต็มวัน จึงจะให้ผลผลิตดี ที่สำคัญคือต้องหมั่นตัด แต่งกิ่งเพื่อให้แตกยอดให้เก็บเกี่ยวใบได้ตลอด รอเวลาไม่เกิน 2 เดือนก็ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ และถ้าหมั่นแต่งกิ่งเราจะสามารถเก็บเกี่ยวใบได้ทุก 3 สัปดาห์ เพาะปลูกแต่ละรุ่นก็เก็บเกี่ยวได้หลายปีเลยครับ

ตำรายาไทยระบุว่า “กะเพราะทั้ง 2” (กะเพราะขาว-กะเพราแดง) ใช้ทั้ง 5 ส่วน มีรสเผ็ดร้อน เป็นยาบำรุงธาตุ แก้ปวดท้อง ขับผายลม แก้ท้องอืดเฟ้อ แต่ในทางยานิยมใช้กระเพราะแดงมากกว่ากระเพราะขาว เพราะมีฤทธิ์ทางยามากกว่า


โ บ ร า ณ ใ ช้ น้ำ คั้ น ใ บ ก ะ เ พ ร า กินเพื่อขับเหงื่อ แก้ไข้ ขับเสมหะ ขับลม แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย ทาผิวหนังแก้กลากเกลื้อนและโรคผิวหนังอื่นๆ ใช้หยอดหู แก้อาการปวดหู ใบกะเพราะทำเป็นยาชง ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ และขับลมในเด็กอ่อน คนไทยสมัยก่อนนิยมกินแกงเลียงใบกะเพราหลังคลอดบุตร เพื่อขับลมและบำรุงธาตุให้เป็นปกติ

กะเพราแดง : ลดความเครียด
ชื่ออื่นๆ : กอมก้อ กอมก้อขาว กอมก้อดำ กระเพราขน กระเพราะดำ ฯลฯ กะเพรา เป็นทั้งอาหารและยาชั้นเลิศ ที่มีใช้ทางการแพทย์อายุรเวทมายาวนานกว่า 5,000 ปี และยกย่องให้เป็นราชินีแห่งสมุนไพร กะเพราแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ กะเพราขาว และกะเพราแดง โดยกะเพราแดงมีกลิ่นฉุนกว่า เพราะมีน้ำมันหอมระเหยมากกว่า นิยมใช้ทำยา การนำกะเพรามาใช้ ทำได้ง่ายๆ เพียงใช้ใบ ยอด ต้นสด หรือแห้งต้ม/ปั่นดื่ม วันละ 1-3 แก้วเป็นประจำดีต่อสุขภาพร่างกาย
สรรพคุณทางยาสมุนไพร
1. ช่วยลดความวิตกกังวล ความเครียด และอาการซึมเศร้าได้ มีการศึกษาในหนูทดลอง พบว่า กะเพรามีฤทธิ์ช่วยให้นอนหลับ และยังมีงานวิจัยในคนที่เป็นโรควิตกกังวล ให้กินสารสกัดกะเพรา 500 มก. วันละ 2 เวลา หลังอาหารเช้าเย็น ติดต่อกันเป็นเวลา 60 วัน พบว่าช่วยลดความวิตกกังวล ความเครียด และอาการซึมเศร้าได้
2. ช่วยป้องกันการขุ่นของแก้วตา ฟื้นฟูจอประสาทตาและการมองเห็น มีการศึกษาในหนูทดลอง ที่ตาเสื่อมจากเบาหวาน หลังได้รับวิตามินอี และสารสกัดกะเพราแดง เป็นเวลา 16 สัปดาห์ พบว่าการบวมของจอประสาทตา ภาวะเลือดออกที่จอประสาทตา รวมถึงไขมันที่รั่วออกจากเส้นเลือดในจอประสาทตาได้หายไปหมด มีการฟื้นคืนกลับของจอประสาทตาและมีการมองเห็นที่ดีขึ้น
3. ลดอาการท้องอืดเฟ้อ ขับลม ปวดท้อง ใช้ใบสด 1 กำมือ (น้ำหนักสดประมาณ 25 กรัม หรือใบแห้ง 4 กรัม ต้มให้เดือด เอาแต่น้ำดื่ม หรือจะใช้ใบกระเพราะแห้ง ชงกับน้ำดื่มเป็นยาขับลม ถ้าป่นเป็นผงให้ชงกับน้ำรับประทาน ในเด็กอ่อนใช้ใบสด ใส่เกลือเล็กน้อยบดให้ละเอียดผสมน้ำผึ้งหยอดให้เด็กอ่อนเพิ่งคลอด 2-3 หยด เป็นเวลา 2-3 วัน จะช่วยขับลมและถ่ายขี้เทา
4. แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน (เกิดจากธาตุไม่ปกติ) ใช้ใบและยอดสด 1 กำมือ (ประมาณ 25 กรัม) ต้มเอาน้ำดื่ม
5. แก้อาการปวดท้องในเด็กทารก ใช้ใบสดตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำนำมาผสมกับน้ำยามหาหิงคุ์ แล้วใช้ทาบริเวณ รอบๆ สะดือ
6. เพิ่มน้ำนมในสตรีหลังคลอด ใช้ใบกะเพราสด 1 กำมือ แกงเลียงรับประทานบ่อยๆ หลังคลอดใหม่ๆ
7 รักษากลากเกลื้อน ใช้ใบสด 15-20 ใบ ตำหรือขยี้ให้น้ำออกมา ใช้ทาถูตรงบริเวณที่เป็นกลาก ทาวันละ 2-3 ครั้ง จนกว่าจะหาย

แหล่งที่มา http://blog.arda.or.th