Saturday, 27 July 2024

เหนื่อยล้ากับการทำงาน ได้เวลาผ่อนคลายให้สุดท่ามกลางท้องทุ่งนาสีเขียว สวยสุด สะดุดตา

คุณเคยได้ยินไหม เวลาคุณทำงานหน้าจอคอมนานๆ แล้วมีอาการล่าดวงตาสุดๆ มักมีคนบอกว่าให้ลองมองอะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว เพราะสีเขียวเป็นสีที่ช่วยผ่อนคลายสายตา งั้นก็ได้!.. ไม่รอช้า ไปกันเลย ไปผ่อนคลายให้สุด เหม่อมองทุ่งนาสีเขียวแบบ 360 องศาที่ ‘แม่แดดน้อย’ เชียงใหม่ กัน!

หน้าฝนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวชมความงามของทุ่งนา เพราะเป็นช่วงที่ต้นข้าวกำลังโตมีสีเขียวละมุนไปทั่วทั้งบริเวณ บวกกับบรรยากาศฝนพรำเบาๆ ทริปนี้เราออกมานอกตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 120 km. ที่ ตำบลแม่แดดน้อย จังหวัดเชียงใหม่ จึงเกิดเป็น รีวิวโฮมสเตย์เชียงใหม่ ในครั้งนี้

เราจะมุ่งหน้าไปยัง “กระท่อมกลางนา” ที่แม่แดดน้อย โฮมสเตย์เปิดใหม่ ในโลเคชั่นสุดแรร์ ที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวรู้จักแต่พูดได้เลยว่าบรรยากาศดีมาก คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศดีๆ ที่จะช่วยให้คุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มแน่นอน

การเดินทางของเราเริ่มต้นจากการนั่งรถทัวร์รอบดึกไปถึงตัวเมืองเชียงใหม่ในตอนเช้า แล้วไปต่อรถเหลือง (รถสองแถว) เชียงใหม่ วัดจันทร์ ที่ขนส่งช้างเผือก รอบ 09.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ใครที่มีอาการเมารถควรกินยาดักไว้เลย เพราะรับรองว่าเมาแน่! ฮ่าๆ เพราะระหว่างทางมีโค้งเยอะมาก แนะนำให้พกยาดมไปด้วยก็จะช่วยบรรเทาอาการเมารถได้

ในการนั่งรถครั้งนี้เราต้องลงที่ อบต. แม่แดด แล้วหลังจากนั้น ‘พี่ป๋อง’ คนดูแลกระท่อมกลางนาโฮมสเตย์จะขับรถกระบะมารับเราที่นั่น จาก อบต. แม่แดด ใช้เวลาขับเข้าไปในหมู่บ้านอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งระหว่างนั้นเป็นดินแดง ขรุขระสุดทรหด หากไม่เซียนทางนี่ขับไม่ได้แน่นอน

หลังจากเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาร่วม 5 ชั่วโมง เราก็มาถึง “กระท่อมกลางนา”

ภาพตรงหน้าทำเราหายเหนื่อยจากการเดินทางในทันที สีเขียวของต้นข้าวกำลังโตสวยเต็มไปหมด บวกกับอากาศที่เย็นสบาย แถบจะไม่มีความร้อนเลยด้วยซ้ำ คราวนี้เราต้องเดินเข้าบ้านกันแล้ว ระหว่างการเดินเราต้องผ่านทุ่งนาเพื่อเข้าไปสู่ตัวกระท่อมที่ตั้งอยู่โดดเดียวที่ปลายคันนา

หากใครจะมาตามรอย แนะนำให้ใส่รองเท้าแตะที่เหมาะกับการลุยน้ำและโคลน เพราะทางค่อนข้างแฉะ และมีความลื่นอยู่พอตัว (แนะนำรองเท้าลุยป่า คลิก)

เดินชมทุ่งนาสีเขียวมาสักพักก็มาถึงที่พักของเรา สิ่งที่ทำก็คือการกินนั้นเอง!! มื้อนี้ทานอาหารที่พี่ป๋องเตรียมไว้ให้ เป็นไข่เจียว ผัดผัก และแคปหมู อาหารง่ายๆ แต่รสชาติอร่อยสุดๆ ไปเลย เมื่อทานอาหารเสร็จฝนก็เริ่มพรำลงมาบอกเลยว่าโมเม้นนี้หาในกรุงเเทพไม่ได้จริงๆ ส่วนใครที่อยากดื่มกาแฟเพิ่มก็บอกพี่ป๋องได้เลย เขาจะทำกาแฟดริปจัดมาให้แบบเน้นๆ จิบกาแฟดริป มองทุ่งนาสีเขียวๆ ฝนตกเบาๆ อากาศเย็นๆ คือการพักผ่อนที่โหยหายมานาน

เราจะเริ่มรีวิวตัวกระท่อมกลางนาที่มี 2 ชั้น ในส่วนของชั้น 2 จะเป็นห้องนอน โดยแบ่งเป็น 2 ฝั่ง มีระเบียงให้นั่งชิลล์ชมทุ่งนา ใครที่ชอบอ่านหนังสือแนะนำให้พกมาด้วย เพราะการอ่านหนังสือในบรรยากาศที่แบบนี้มันคือที่สุด! จริงๆ ในทริปนี้พี่ป๋องบอกว่าในช่วงเย็นจะพาไปหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยง “ปกาเกอะญอ” แต่ด้วยสภาพอากาศที่มีฝนพร่ำตลอดเวลา ทำให้เราไม่สามารถไปได้ เราเลยเลือกนั่งชิลล์กันยาวๆ ที่บ้านพัก เพราะที่นี้จะมีโซนที่นั่งรอบกองไฟ หากคืนไหนที่ฝนไม่ตกเราก็สามารถนั่งรอบกองไฟ และดูดาวได้ รับรองว่าบรรยากาศดีไม่แพ้ที่ไหนเลย

ในส่วนของห้องน้ำมีทั้งหมด 2 ห้องด้วยกัน ใครขี้หนาวก็ไม่ต้องกังวลเพราะว่าเขามีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ มาถึงมื้อที่รอคอย…มื้อเย็นที่เหมาะกับบรรยากาศแบบนี้จะเป็นอะไรไม่ได้เลยนอกจาก หมูกะทะ! โดยฝีมือพี่ป๋องนั้นเอง นอกจากรสชาติที่ดีแล้วเรายังให้คะแนนความสะอาดและการตกแต่งจานที่ดูธรรมชาติสุดๆ

เมื่อพระอาทิตย์ต ฟ้ามืดเราก็จิบเบียร์เย็นๆ พูดคุยเรื่องงาน ชีวิต และเรื่องทั่วไป ถือเป็นวันที่ดีอีกหนึ่งวัน ถึงแม้การเดินทางจะเหนื่อยแต่ด้วยวิวและที่พักที่ก็ทำให้เรารู้สึกพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ถ้ามีเวลาก็อยากจะพักอีกสักคืนเพื่อชาร์จแบตให้เต็มที่ ใครที่มีเวลาเยอะๆ ต้องการพักจากทุกความเบื่อหน่าย ไม่ว่าจะเรื่องงาน ความรัก หรือใครก็ตามที่ต้องการสถานที่สงบๆ เพื่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เราขอเป็นอีกหนึ่งเสียงแนะนำที่นี้เลย