Saturday, 27 July 2024

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ต้องนำมาชื่นชมและช่วยแชร์ เพื่อเปิดรับแรงบันดาลใจการสู้ชีวิต

ทุกคนล้วนมีความฝันเป็นของตัวเอง บางคนความฝันอาจจะเป็นจริงแล้ว แต่บางคนก็กำลังอยู่ระหว่างทางกำลังไล่ล่าความฝันอยู่ วันนี้อยากแนะนำทุกคนให้รู้จัก น้องอิง นันทชัย ฟักทอง อายุ 19 ปี เจ้าของธุรกิจ ร้านฟักทองshop

น้องอิง เป็นเด็กอีกเคสหนึ่งที่เป็นโรคกระดูกผิดรูปตั้งแต่กำเนิด ซึ่งอาการของโรคนี้ กระดูกจะสามารถบิดเบี้ยวไปได้เรื่อยๆ ตามพฤติกรรมและกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย

น้องอิงผ่านการผ่าตัดมาแล้วแบบนับครั้งไม่ถ้วน เริ่มผ่าตัดตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ คุณพ่อ คุณแม่บอกว่าเริ่มผ่าตัดตั้งแต่ประมาณสองถึงสามเดือน เป็นต้นมา ผ่าตัดมาแล้วมากกว่า 20 ครั้ง พอเริ่มขึ้น ม.ต้นน้องอิงก็เริ่มที่จะไม่ได้ผ่าตัดแล้ว

น้องอิงถูกปลูกฝังโดยคุณพ่อ คุณแม่ว่าเราเกิดมาเราจะต้องมีเป้าหมายของชีวิต นำเป้าหมายนั้นมาพลักดันตัวเองเราจะต้องไปต่อให้ได้ อย่าหยุดที่ว่าฉันเดินไม่ได้ ฉันก็เดินไม่ได้ ในเมื่อเดินไม่ได้ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย น้องอิงบอกกับตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆว่าเราจะต้องพยายามเดินให้ได้ถึงแม้เราจะพิการก็ตาม เรามีความฝันจะต้องไปหาความฝันให้ได้

จุดเริ่มต้นของการขายของออนไลน์เริ่มมาจากตอนเป็นเด็กน้องอิงอยากได้สีไม้หนึ่งกล่อง คุณแม่ของน้องอิงจึงบอกว่าเราลองหาเงินกันดูดีไหม จะได้มีเงินซื้อสีไม้

น้องอิงไม่ปฏิเสธ พอกลับถึงบ้านน้องอิงได้ไปดูกระปุกออมสินมีเงินอยู่ประมาณ 100 กว่าบาท นำเงินนั้นไปซื้อลูกอมมาหนึ่งแพคแล้วนำมาแบ่งขาย น้องอิงขายอยู่ 4 วันจึงมีเงินมากพอที่จะซื้อสีไม้หนึ่งกล่อง

พอโตขึ้นมาอีกหน่อยทำให้น้องอิงได้รู้จักสื่อออนไลน์ ทำให้น้องอิงลองเปลี่ยนมาเป็นขายสินค้าและออนไลน์ แรกเริ่มน้องอิงเริ่มขายสินค้าแบบ DIY หลังจากนั้นก็เริ่มขายสินค้าไอทีแล้วก็พัฒนามาเป็นขายน้ำหอมจนเริ่มมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง

น้องอิงใช้ชื่อแบรนด์ว่า “ แ บ ร นด์ ฟั ก ท อ ง ” สินค้าในแบรนด์ฟักทองมีอยู่ 5 ประเภท มีน้ำพริก , พริกทอด , ผลไม้อบกรอบ , น้ำหอม และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ยอดขายรายได้ต่อวันอยู่ที่ 2,000 ถึง 3,000 บาท รายได้ต่อเดือนประมาณ 20,000 ถึง 30,000 บาท

จากตอนแรกเปิดเพจขายของใน Facebook ไม่ได้มีคนติดตามหรือลูกค้ามากนัก จนตอนนี้ประสบความสำเร็จมีผู้ติดตามใน Facebook ประมาณ 30,000 คน ใน YouTube ประมาณ 300 กว่าคน และติดตามใน Tiltok อีกประมาณ 38,000 คน

น้องอิงได้แบ่งรายได้ทั้งหมดออกเป็น 4 ส่วน
1 ใช้ต่อยอดในการลงทุนการสินค้า
2 เก็บออม
3 ให้ครอบครัวเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ
4 บริจาคให้กับยากไร้

เมื่อได้อ่านแล้วรู้สึกซึ้งใจกับน้องอิงตรงที่ ในยามที่ตัวเองมีแล้ว ก็อยากส่งต่อความสุขให้กับคนอื่นที่เขายังไม่มี
น้องอิงทั้งบริจาคทุนทรัพย์และสิ่งของให้กับคนที่ขาดแคลน แต่น้องอิงไม่ขอรับเงินบริจาคใดๆทั้งสิ้น เพราะว่าน้องอิงไม่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองขาดตกบกพร่องอะไร และไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตด้อยไปจากคนอื่น ถึงแม้ว่าร่างกายเราจะพิการ แต่ใจเราก็ยังสู้ เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้

ในเมื่อเราเกิดมาแล้วมีหนึ่งชีวิต ขอแค่เราทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ทำปัจจุบันให้มีความสุข มันก็ดีมากพอแล้วสำหรับการเกิดมาบนโลกใบนี้ค่ะ ร่างกายอาจจะพิการแต่ใจต้องไม่พิการ

บางครั้งความสุข ก็ไม่จำเป็นต้องสวยหรู บางครั้งความสำเร็จ ก็ไม่จำเป็นที่จะอยู่ที่ปลายทางเสมอไป แค่เรารู้ไว้ว่าเราตั้งใจ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไหร่ ช้าหรือเร็ว ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือระหว่างทางเรามีความสุขกับความตั้งใจของเราเอง

เรียบเรียงโดย เกษตรก้าวหน้า