Saturday, 27 July 2024

เทคนิคปลูก“ฟักทอง” ปลูกง่าย ได้ผลดก

หลายคนก็คงจะเคยปลูกพืชผักผลไม้มาแล้วบ้าง หรือบางคนกำลังมองหาร ายได้เสริมในด้านการเกษตร วันนี้ไข่เจียวขอแนะนำฟักทองและวิธีการปลูกฟักทองให้ได้ผลผลิตดี หรือถ้าปลูกข ายก็ร ายได้ดีสามารถจุนเจือครอบครัวได้และเป็นร ายได้เสริมอีก 1 ช่องทาง เพราะฟักทองก็ถือว่าเป็นที่ต้องการของตลาดอีก 1 อย่าง ฉะนั้นแล้วเราจึงนำวิธีการปลูกมาฝากไปดูกันเลย วิธีปลูกฟักทองการเตรียมแปลงปลูก ฟักทองสามารถเลือกปลูกได้หลายรูปแบบ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของพื้นที่ปลูกเป็นส่วนสำคัญมาก

-วิธีที่ 1 หากมีพื้นที่ปลูกเพียงเล็กน้อย สามารถปลูกระยะ 1.5×1.5 เมตร วิธีนี้เมื่อฟักทองโตขึ้นจะทำให้ลำบากต่อการจัดการ เนื่องจากเถาจะกระจายเต็มพื้นที่ แต่มีข้อดีคือจะได้ผลผลิตต่อพื้นที่มากขึ้น
-วิธีที่ 2 การปลูกแถวเดี่ยว ทำแปลงแถวเดี่ยวความกว้างของแปลง 1.8-2 เมตร ระยะปลูกระหว่างต้น 1.5 เมตร เมื่อปลูกฟักทองสามารถจัดเถาฟักทองให้เลื้อยไปในแนวแปลงปลูก ทำให้ง่ายต่อการจัดการมากกว่าวิธีแรก
-วิธีที่ 3 การปลูกแบบแถวคู่ ยกร่องแปลงเป็น 2 ด้าน ระยะ 3.5-5 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร เช่นเดียวกับวิธีที่หนึ่งและในวิธีที่ 2 วิธีนี้สามารถจัดเถาฟักทองให้เลื้อยจรดกัน 2 ด้านพอดี และมีร่องทางเดินทำให้ทำงานได้สะดวกมากขึ้น หยอดโดยตรง หรือเพาะกล้า พิจารณาจากต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ การเลือกเมล็ดพันธุ์ฟักทองที่ใช้ปลูกกันทั่วไปมี 2 แบบ คือ

เมล็ดพันธุ์แบบผสมเปิด ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สามารถเก็บไว้ขยายพันธุ์ต่อได้เอง ปัจจุบันเมล็ดพันธุ์แบบผสมเปิดหาได้น้อยมาก เนื่องจากบริษัทเมล็ดพันธุ์ที่เกษตรกรซื้อมาปลูกจะเลือกผลิตเมล็ดพันธุ์แบบลูกผสม มีลักษณะเด่นในการให้ผลผลิตสูง ขนาดของต้น ผล และการเจริญเติบโตดี แต่มีข้อเสียที่ไม่สามารถนำเมล็ดไปปลูกต่อได้ และเกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่ายกับเมล็ดพันธุ์ฟักทองในร าคาแพงมาก ดังนั้น การพิจารณาถึงวิธีการปลูกเพื่อลดต้นทุนในส่วนนี้โดยมีวิธีการเลือกปลูกได้ 2 แบบ ได้แก่ การปลูกแบบหยอดเมล็ด ก่อนปลูกขุดหลุมปลูก รองก้นด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว หยอดเมล็ด 3-5 เมล็ด กลบด้วยดินผสมละเอียด หรือขี้เถ้าแกลบดำก็ได้ ลึก 2.5-5 เซนติเมตร คลุมด้วยฟางข้าว รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอทุกวันเช้าและเย็น ประมาณ 3-5 วัน ต้นกล้าจะงอกพ้นจากดิน ให้เกษตรกรสังเกตและช่วยแหวกฟางข้าวที่คลุมแปลงที่หลุมปลูกออก ช่วยไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการงอกของต้นกล้าฟักทอง เมื่อต้นกล้าฟักทองมีใบจริง 2-3 ใบ ควรถอนเอาต้นที่อ่อนแอ ดูแล้วไม่แข็งแรงทิ้ง เหลือต้นที่สมบูรณ์ที่สุดไว้เพียง 1 ต้น ต่อหลุม

การปลูกโดยการเพาะกล้า นำเมล็ดฟักทองล้างน้ำสัก 1-2 รอบ จากนั้นแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้สัก 30 นาที จากนั้นนำเมล็ดไปห่อไว้ในผ้าขาวบาง นำเมล็ดไปบ่มไว้ในกล่องพลาสติกใสหรือกระติกน้ำเก่า 3-5 วัน เมื่อเมล็ดจะแตกร ากออกมาเล็กน้อย จึงค่อย ๆ ย้ายเมล็ดนำไปเพาะในถาดเพาะกล้าที่ใส่วัสดุเพาะกล้า (เช่น มีเดีย) รดน้ำ 10-12 วัน หรือฟักทองมีใบจริง 1-2 ใบ จึงย้ายปลูกได้

การใส่ปุ๋ย เมื่อต้นกล้างอกจะมีใบจริง 2-3 ใบแล้ว ควรถอนแยกต้นที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งไป เหลือต้นที่สมบูรณ์แข็งแรง เหลือหลุมละ 2 ต้น และรดน้ำทุกวันเมื่อต้นกล้าเจริญจนไม่มีใบจริง 4 ใบ ช่วงนี้ให้ใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟตหรือปุ๋ยผัก (21-0-0) ละลายน้ำแล้วใช้รดต้นฟักทอง ต้องรดน้ำทุกวันเมื่อฟักทองเริ่มออกดอก ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 (หรือสูตรใกล้เคียงกัน เช่น 13-13-27 หรือ 14-14-21) โรยรอบ ๆ ต้นแล้วรดน้ำตามและใส่ปุ๋ยอกครั้งเมื่อฟักทองเริ่มติดผลอ่อน พันธุ์ฟักทองที่เป็นพันธุ์หนักให้ผลโต อายุเก็บเกี่ยวยาวนาน ดังนั้นการใส่ปุ๋ยให้ฟักทองพันธุ์หนักควรใส่มากกว่าพันธุ์เบา การรดน้ำต้องรดน้ำทุกวัน จนคะเนว่าอีก 15 วัน จะเก็บผลแก่ได้ จึงเลิกรดน้ำ

สูตรปุ๋ยหมักเร่งการเจริญเติบโตทางใบและเสริมความแข็งแรงในพืชผัก
-มะละกอสุก กล้วยสุก สับปะรดสุก ฟักทองสุก จำนวน 3 กิโลกรัม
-กากน้ำตาล จำนวน 1 กิโลกรัม
-ถังหมักพลาสติกขนาด 100 ลิตร พร้อมฝาปิด 1 ใบ
-พด.2 จำนวน 1 ซอง
-น้ำเปล่าพอประมาณ

วิธีการทำ
-นำมะละกอสุก กล้วยสุก สับปะรดสุก ฟักทองสุก มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก โดยหั่นทั้งเปลือกและเมล็ด โดยไม่ต้องล้างน้ำหรือยางออก
-จากนั้นนำไปใส่ในถังหมัก แล้วนำกากน้ำตาลเทตามลงไป
-นำพด.2 จำนวน 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำเล็กน้อย เทในถังหมักคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน
เติมน้ำพอท่วมส่วนผสม
-ปิดฝาถังหมักให้สนิท แล้วนำไปวางในที่ร่ม หมักทิ้งไว้ 21 วัน หลังจากก็สามารถนำไปใช้ได้แล้ว

การนำไปใช้นำน้ำหมักที่ได้จำนวน 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเปล่า จำนวน 20 ลิตร นำไปฉีดพ่นพืช ผัก เพื่อเร่งการเจริญเติบโต โดยให้ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น ขณะไม่มีแสงแดดจัด ฉีดพ่น 15 วัน/ครั้งนำน้ำหมักที่ได้จำนวน 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเปล่า จำนวน 20 ลิตร นำไปฉีดพ่นสำหรับเปิดตาดอกของผลไม้ได้ทุกชนิด โดยให้ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น ขณะไม่มีแสงแดดจัด

ประโยชน์ที่ได้รับ
-ลดต้นทุนการผลิต และบำรุงดินเพิ่มไนโตเจนให้กับดิน
-เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สภาพดินอุดมสมบูรณ์ ไร้สารพิ ษ
-ทำให้พืชผักเจริญเติบโตดี และช่วยเปิดต าดอกของผลไม้

ศัตรูสำคัญของฟักทองคือแมลงเต่าแตงวิธีจัดการด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน
-กาแฟ 5 ช้อนโต๊ะ
-ย าฉุน 3 ขีด
-มะพร้าวขูด 1 ลูก หรือครึ่ง กิโลกรัม
-น้ำเปล่า 2 ลิตร

วิธีทำ นำย าฉุน (ย าเส้น) มาผสมกับมะพร้าวขูด ในภาชนะที่เตรียมไว้ นำน้ำร้อนมาเทราดลงส่วนผสมทั้งสอง ทิ้งไว้ให้อุ่นจากนั้นคั้นเอาเเต่น้ำกรองเอาน้ำข้นๆออกมา.. จากนั้นละลายกาแฟกับน้ำร้อนเทใส่น้ำย าที่เร ากรองไว้ พักไว้ 3 ชั่วโมงหรือ หมักไว้ 6 ชั่วโมงก็ได้การนำไปใช้ น้ำหมัก 4 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วทั้งต้น ส่วนผสม ถ้าเป็นพืชผักใบอ่อนอาจจะเจือจางผสมน้ำ 30 ลิตรเพราะอาจทำให้พืชใบไ ห ม้ได้

วิธีทำให้ฟักทองติดผลการเตรียมวัตถุดิบ
-นมผงเด็ก
-น้ำสะอาด

วิธีการทำ
-เมื่อปลูกฟักทองได้ประมาณ 1 เดือน ให้สังเกตต้นฟักทองจะเริ่มออกดอก
-หลังจากนั้นนำนมผงเด็กที่เตรียมไว้มาผสมกับน้ำ ในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำสะอาด 20 ลิตร
คนให้นมผงละลายและเข้ากันดี
-นำไปฉีดพ่นดอกฟักทองในช่วงเช้า เพื่อช่วยล่ อแม ลงมาช่วยผสมเกสรทำให้ดอกฟักทองติดเป็นผลได้ทุกเถา

วิธีการนำเกสรดอกตัวผู้มาผสมให้กับดอกตัวเมีย โดยคัดเอาดอกจากต้นที่สมบูรณ์แข็งแรงวิธีการสังเกตดอกนั้นสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ โดยดอกตัวผู้จะเป็นดอกสีเหลืองและมีเกสรอยู่ด้านในส่วนดอกตัวเมียนั้นจะมีดอกสีเหลืองและจะสังเกตเห็นได้ว่าฐานของดอกนั้นจะมีลูกกลม ๆ สีเขียวติดอยู่กับดอกวิธีการหนึ่งคือให้เกษตรกรนำเกสรดอกตัวผู้มาผสมให้กับดอกตัวเมีย ให้นำเกสรตัวผู้ 1 ดอก มาผสมกับดอกตัวเมีย 3 ดอก คือ ให้นำเกสรตัวผู้มาเคาะเอาเกสรใส่ลงไปในเกสรตัวเมีย หรืออาจใช้ไม้เล็ก ๆ เขี่ยลงไปผสมก็ได้
หากดอกฟักทองได้รับการผสมเกสรก็จะทำให้มีขนาดของผลที่ใหญ่ขึ้นอย่ างเห็นได้ชัดเจน หากไม่ได้รับการผสมเกสรจะทำให้ผลของฟักทองแห้งหรือฝ่อ ทำให้ไม่ได้ผลผลิต

การให้น้ำฟักทอง ฟักทองเป็นพืชที่มีระบบร ากลึก การให้น้ำจึงต้องให้น้ำซึมลงใต้ดินประมาณ 25-40 เซนติเมตร แต่ไม่ควรให้แปลงแฉะ จะทำให้เกิดโ ร คร ากเ น่ าโคนเ น่ าได้ การเลือกรูปแบบการให้น้ำแก่ฟักทองควรพิจารณาถึงสภาพพื้นที่ หากพื้นที่ปลูกฟักทองอยู่ใกล้ระบบชลประทานหรือมีคลองส่งน้ำที่ดี สามารถเลือกการให้น้ำแบบปล่อยเข้าร่องแปลง พื้นที่ที่มีน้ำเป็นคลองหรือสระน้ำที่มีน้ำจำกัด สามารถให้น้ำแบบสายย างรด หรือให้น้ำแบบน้ำหยด (เป็นวิธีที่มีการทำแปลงด้วยพลาสติกคลุมแปลง) แต่การให้น้ำแบบพ่นฝอยเป็นวิธีที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากการให้น้ำแบบพ่นฝอยทำให้ฟักทองเกิดโ ร ค ทางใบได้เร็วมากขึ้น

แหล่งข้อมูลอ้างอิงfarmerspace.co เรียบเรียงโดยเพจธรรมะเกษตรก้าวหน้า