เคล็ดลับ บัณฑิตแม่โจ้ ทำงานเกษตรบน พื้ น ที่ จำ กั ด อย่างไร ให้สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ตลอดปี คุณสุชาดา ดวงต๋า (คุณแพรว) อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ที่ 6 ตำบลแช่ช้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เรียนจบจากคณะผลิตกรรมการเกษตร สาขาพืชศาสตร์ เอกพืชสวนประดับ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้
หลังเรียนจบได้เข้าทำงานที่บริษัทเกี่ยวกับการเกษตร ทำงานในส่วนห้องแล็บเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ทำได้ปีกว่าๆ มีเหตุให้ต้องออกจากงาน หลังจากนั้นจึงกลับไปอยู่บ้าน เริ่มจับงานเกษตรด้วยการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ และมะเขือเทศราชินี เป็นพืชหลักทำเงิน ทำเกษตรบนพื้นที่ 2 งาน สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ทั้งปี
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/10/1-2.png)
คุณสุชาดา ดวงต๋า (คุณแพรว) เริ่มทำงานเกษตรมาเป็นระยะเวลากว่า 7 ปี 5 ปีแรกเริ่มจากการเพาะต้นกล้าพริก ขายที่ภาคกลางมาก่อน ช่วงนั้นถือว่าขายดีมาก แต่ต้องเปลี่ยนจากการเพาะต้นกล้า เพราะได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านที่ภาคเหนือ ซึ่งทางภาคเหนือไม่นิยมซื้อต้นกล้าไปปลูก เนื่องจากน้ำไม่เอื้ออำนวย จึงต้องเปลี่ยนวิธีและแนวคิดใหม่
โดยเริ่มต้นจากการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์บนพื้นที่ข้างบ้าน มีพื้นที่เพียง 2 งาน ในการทำเกษตรเลี้ยงชีพ ซึ่งพื้นที่เพียงเท่านี้หลายคนสงสัยว่าพอหรือที่จะทำเลี้ยงชีพ ตอบได้เลยว่าพอ แต่ต้องจัดสรรวางแผนการปลูกให้ดี
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/10/2-3.png)
คุณแพรว บอกว่า “ในเมื่อมีพื้นที่น้อย ต้องจัดสรรพื้นที่ให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด และต้องฉลาดเลือกเน้นปลูกพืชที่มีมูลค่าและดูแลไม่ยาก เพราะทำกับแม่แค่สองคน ในบริเวณที่ปลูกผักจะใช้พลาสติกคลุมเกือบทั้งหมด เพื่อลดแรงงานการถอนหญ้า และประหยัดต้นทุนในการใช้สารเคมี”
การจัดสรรพื้นที่การปลูกให้มีผลผลิตออกตลอดทั้งปี มีดังนี้
พื้นที่ 2 งาน คุณแพรว แบ่งปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ครึ่งงาน และมะเขือเทศราชินีอีกครึ่งงาน พืชสองชนิดนี้เป็นพืชหลักมีผลผลิตออกขายได้ทั้งปี ส่วนพื้นที่ที่เหลือแบ่งปลูกเป็น กวางตุ้ง ผักบุ้ง แตงร้าน ถั่วฝักยาว
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/10/3.png)
และพืชผักสวนครัวทั่วไปที่คนในชุมชนต้องรับประทานกันเป็นประจำ ผักที่ปลูกเรียกว่า ผักปลอดภัย ใช้สารชีวภัณฑ์ น้ำส้มควันไม้ น้ำหมัก เป็นหลัก มีใช้สารเคมีเข้ามาช่วยบ้างแต่ใช้ในปริมาณที่น้อยมาก
ผักไฮโดรโปนิกส์ ครึ่งงาน แบ่งปลูกเป็น 4 โต๊ะ มีผักออกทุกสัปดาห์ ทยอยปลูกวนกันไปเรื่อยๆ
“ต้นทุนปลูกครั้งแรก 80,000 บาท 1 ปี คืนทุน หลังจากนั้นลงทุนเพียงค่าเมล็ดพันธุ์และค่าจิปาถะอื่นๆ อีกเล็กน้อย ผักสลัดใช้เวลาปลูกถึงเก็บเกี่ยวขายใช้เวลาเพียง 45-60 วัน ต้นทุนการปลูกต่อต้น รวมค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ตกต้นละ 4 บาท
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/10/4.png)
หรือคิดต้นทุนเป็น 2 ใน 3 ของรายได้ ถ้าผักสลัดขายได้ 100 บาท ต้นทุนอยู่ที่ 30-40 บาท ช่วงอากาศเย็น ผักจะต้นใหญ่ขายได้ราคาหน่อย เพราะเป็นฤดูที่เหมาะสม ผักจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 2-3 ขีด ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นหน้าฝน
จะมีปัญหาคือ เชื้อราที่มากับน้ำฝน และอาจจะมีหนอน มีแมลงบ้าง ส่วนหน้าร้อนต้นจะเล็กลงจากเคยเก็บ 10 ต้น ได้ 1 กิโลกรัม อาจจะต้องเก็บ 17-20 ต้น ถึงจะได้ 1 กิโลกรัม” ในส่วนของ มะเขือเทศราชินี ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าผักไฮโดรโปนิกส์กว่าครึ่งหนึ่ง ระยะปลูกถึงเก็บเกี่ยว 2 เดือน สามารถเก็บผลผลิตต่อเนื่องได้ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแล
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/10/6.png)
วิธีปลูก
ปลูกลงดิน เพาะเมล็ด 30 วัน หลังจากนั้น ย้ายกล้าลงปลูกในดิน 40-45 วัน เริ่มเก็บผลผลิตได้ ระยะห่างระหว่างต้น 80 เซนติเมตร ปักค้างกะระยะห่าง 2-2.5 เมตร แล้วใช้ตาข่ายขึงให้เป็นซุ้มสี่เหลี่ยม เพื่อให้เก็บผลผลิตง่ายลูกไม่ช้ำ
ตลาดหาไม่ยาก แค่คิดและวางแผน ก่อนลงมือทำ
การตลาดของคุณแพรว มีเคล็ดลับไม่ยาก เพียงแค่คิดและวางแผนก่อนลงมือทำ คุณแพรว บอกว่า จะไม่ใช้วิธีแบบเกษตรกรยุคก่อน คือปลูกก่อนแล้วหาตลาดทีหลัง ซึ่งวิธีนี้ทำให้เราเสียเปรียบเกษตรกรเจ้าถิ่น และเสียเปรียบพ่อค้าคนกลาง โดนกดราคา เพราะถ้าเขาไม่ซื้อของเราก็จะเสีย เราก็จำเป็นต้องขาย
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/10/5.png)
“การตลาดที่ถูกต้องคือ การหาตลาดก่อนปลูก ต้องรู้ว่าตอนนี้ตลาดต้องการอะไร เราสามารถทำตามความต้องการของตลาดได้ไหม ถ้าทำได้ จึงค่อยลงมือทำในขนาดย่อมๆ ก่อน ถ้าตลาดไปได้สวยถึงค่อยขยับขยาย
ไม่แนะนำให้ปลูกก่อน แล้วหาตลาดทีหลัง หรืออีกเทคนิคคือ ทำเป็นตัวอย่างไปให้ผู้รับซื้อดูก่อน ว่าเรามีผักแบบนี้ มาตรฐานแบบนี้ จะรับไหม อย่าไปทำสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะทุกอย่างมีต้นทุน”
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/10/7.png)
การวางแผนของคุณแพรวคือ เลือกที่จะไปเป็นลูกไร่คนอื่นก่อน เพราะเขามีที่ส่งอยู่แล้ว เราก็ไปขอเป็นเครือข่ายเขา เมื่อเราเข้าเป็นเครือข่ายได้สักระยะ เริ่มจะมีช่องทางเป็นของตัวเองจึงค่อยขยับขยาย และจะไม่เน้นขายส่งอย่างเดียว
เรามีการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า มีผักสลัด และมะเขือเทศราชินีเป็นพืชหลัก มีพืชผักตามฤดูกาลเป็นพืชเสริม ซึ่งทั้งหมดนี้คุณแพรวปลูกเอง ขายเอง ดูแลเอง ในเดือนๆ หนึ่งมีรายได้จากการขายผักเดือนละประมาณ 15,000-18,000 บาท นับเป็นเงินไม่น้อยสำหรับพื้นที่แค่นี้
การขายจะมีทั้งแบบขายส่งและขายลูกค้ารายย่อยที่ตลาด แบบขายส่งจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวน ราคาส่งผักสลัดกิโลกรัมละ 100 บาท มะเขือเทศราชินี กิโลกรัมละ 80 บาท และผักตามฤดูกาลแบ่งขายเป็นกำให้คนในหมู่บ้านได้รับประทานของดีราคาถูก
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/10/9.png)
อีกส่วนจะแบ่งไว้ขายตลาดคนรักสุขภาพทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ในส่วนของผักที่ขายที่ตลาดถือเป็นการเพิ่มมูลค่า นำผักที่ปลูกไปทำสลัดโรล ขายกล่องละ 50 บาท ผักสลัดแบ่งขายเป็นต้น ต้นละ 20 บาท เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและได้ราคาดีกว่าขายเป็นกิโล มะเขือเทศก็แบ่งขาย ใส่กล่องบรรจุ 300 กรัม ราคากล่องละ 50 บาท ในทุกๆ ครั้ง ลูกค้าจะได้ผักสดและปลอดภัยจากเกษตรกรโดยตรง
การทำงานเกษตร ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไม่ตั้งใจ สำหรับตัวคุณแพรว การปลูกพืชผักต้องใจเย็น ทำไปเรื่อยๆ การทำงานเกษตรคือสิ่งที่ต้องทำเองทุกขั้นตอน เพื่อสร้างประสบการณ์ความชำนาญ เมื่อเกิดปัญหาจะได้แก้ทัน ถ้าคิดจะปลูกแบบทิ้งๆ ขว้างๆ 3-4 วัน ดูแลครั้ง ไม่มีทางสำเร็จ การที่จะเลือกปลูกพืชสักชนิด อย่างน้อยต้องคลุกคลีกับผักชนิดนั้นเป็นระยะเวลา 1 ปี
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/10/8.png)
ทำไมต้อง 1 ปี เพราะใน 1 ปี สภาพอากาศทั้ง 365 วัน ไม่เหมือนกัน พืชแต่ละชนิดการปลูกการดูแลรักษาก็ไม่เหมือนกัน จึงต้องศึกษาทดลองปลูกเพื่อดูพฤติกรรมของพืช เพื่อเป็นแนวทางปรับปรุงแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และถ้าพืชที่ทดลองปลูกสามารถไปต่อได้ รู้จักนิสัยพืชของตัวเองดีพอแล้ว ก็ไปต่อได้ แต่ถ้ารู้ว่าไปต่อไม่ได้
เราไม่เหมาะกับพืชชนิดนี้ ให้หยุดปลูก แล้วหาพืชตัวใหม่ที่โอเคกว่าทันที หรือขณะที่ทำให้เริ่มต้นทีละน้อยๆ เริ่มจากผักที่ชอบรับประทานก่อน เพราะจะทำให้เราใช้ความอดทนได้มากที่สุด
เรียบเรียงโดย ธรรมะเกษตรก้าวหน้า