การทำเกษตรให้ดี มีกำไร พิสูจน์แล้วว่าไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เยอะ ไม่ต้องมีเงินทุนมาก ก็สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน เพียงก่อนทำต้องมีการวางแผนให้รัดกุม เลือกชนิดพืชให้เหมาะกับพื้นที่ และเงินทุนที่มี หรือถ้าอยากทำแล้วได้ผลเร็วเกษตรกรต้องมีไหวพริบสักหน่อย พยายามหาพืชที่มีราคา หากเลือกพืชที่คนทั่วไปปลูกได้ราคาหลักสิบ ก็จะได้จับเงินหลักสิบ แต่ถ้าเลือกปลูกพืชที่ตลาดต้องการ มีคนทำน้อย ราคาต้นละเป็นพันบาทคุณก็ขายได้
คุณปฏิภาณ ฤทธิ์นอก (สิทธิ์) เกษตรกรสายชิล เลือกปลูกพืชที่ให้ผลตอบแทนสูง มีพื้นที่น้อยแต่รายได้มาก อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ที่ 4 บ้านห้วยไผ่ ตำบลห้วยส้ม อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เล่าว่า เดิมทำงานเป็นโอเปอเรเตอร์อยู่ที่จังหวัดชลบุรีมาก่อน แต่มีใจรักธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก เห็นพ่อแม่ทำก็ซึมซับมาเรื่อยๆ คิดว่าสักวันจะต้องกลับบ้านมาสร้างสวนในฝันให้ได้
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/06/1-4.png)
“ตอนทำงานประจำ คิดมาตลอดว่า ถ้าออกจากงานเพื่อไปทำเกษตร จะทำอย่างไรให้มีรายได้เดือนละสองสามหมื่น หลายเสียงพูดว่า จะต้องมีพื้นที่เยอะ มีเงินทุนมาก และต้องมีแหล่งน้ำที่สมบูรณ์นะถึงจะทำได้ แต่เราไม่มองแบบนั้นเราคิดนอกกรอบไปอีกว่า การทำเกษตรให้อยู่รอด ต้องมีความรู้ครบองค์ประกอบ เช่น ถ้าจะปลูกต้นไม้ ต้องรู้วิธีการทำปุ๋ย ต้องรู้ปัญหาและธรรมชาติของต้นไม้
ที่สำคัญปลูกแล้วขายใคร ผลผลิตออกช่วงไหน เรียนรู้เลยว่าคนในประเทศไทยกินอะไรเป็นหลัก จำแนกออกเป็นกลุ่ม ถ้าในชุมชนเรากินอะไร เขาก็กินแบบนั้น แต่ถ้าเป็นตลาดออนไลน์ จะมีหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มคนรักสุขภาพ ผักต้องเป็นผักอินทรีย์ ผักออร์แกนิก เราต้องจำแนกสินค้าและกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ถ้าทำได้ก็ไม่สำคัญว่าจะมีพื้นที่น้อย เงินลงทุนน้อย”
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/06/29355172_201166537161371_8629605023322726672_o-1024x576.jpg)
เริ่มต้นทำเกษตร ด้วยเงินทุน 2,000 บาท ต่อยอดเป็นเงินหลักแสน
ก่อนจะลาออกจากงานประจำ คุณปฏิภาณปูทางงานเกษตรด้วยงบเพียง 2,000 บาท ช่วงนั้น ปี 2554 จำได้ว่า มะนาวราคาแพง คุณปฏิภาณมองเห็นช่องทางจึงเลือกหารายได้เสริมด้วยการตอนกิ่งพันธุ์มะนาวขายให้เพื่อนที่ทำงาน เริ่มจากซื้อมะนาวมา 10 ต้น เป็นเงิน 1,000 บาท ซื้อวงบ่อซีเมนต์ 10 บ่อ บ่อละ 100 บาท ทำขายต่อยอดจากเงิน 2,000 เป็นเงิน 15,000 บาท ตลาดไปได้ดีจึงตัดสินใจขยายแปลงปลูกเพิ่ม แต่พื้นที่มีจำกัด จึงเปลี่ยนจากการขยายพันธุ์เองเป็นการส่งเงินกลับไปให้พ่อกับแม่ขยาย แล้วช่วยกันขายแทน ผ่านไป 5 เดือน ขายกิ่งตอนมะนาวได้เงินแสนกว่าบาทก็นำมาต่อยอด ขยายแปลงปลูกไผ่เพิ่มอีก 1 ไร่
ไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง พืชสร้างรายได้งาม ตลาดมีความต้องการสูง
เจ้าของบอกว่า หากท่านใดอยากออกจากงานประจำมาทำเกษตร ขอย้ำทุกคนว่า อย่าใจร้อน ถ้าคิดจะออกท่านต้องปูทางปลูกพืชไว้ก่อนออกจากงาน และพืชที่ปลูกไว้ต้องสร้างรายได้ให้เราอย่างน้อย 2-3 ชนิด ถ้ายังไม่เริ่มต้นทำล่วงหน้าแต่ออกจากงานเพื่อมาลุยทำเกษตร แนะนำว่าอย่า เพราะหนทางข้างหน้าจะมืดมาก
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/06/64937450_410508066227216_6639776370236850176_n.jpg)
“ก่อนออกจากงาน ผมเลือกที่จะปลูกไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้งไว้สร้างรายได้เป็นขั้นที่หนึ่ง ไผ่ตัวนี้ผมศึกษาหาข้อมูลมานานกว่า 8 ปี ถือเป็นพืชที่น่าสนใจ และคิดว่าจะสร้างรายได้ดีในอนาคต ด้วยคุณสมบัติที่พิเศษ รสชาติหวาน สามารถทานดิบได้ คนเป็นเก๊าต์ทานได้ ไม่มีไซยาไนด์ ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลมาก มีเวลาว่างช่วงไหนค่อยกลับมาขุดขายสร้างรายได้หลายหมื่น” เจ้าตัวบอก
ขั้นตอนการปลูก…ลงทุนด้วยงบ 20,000 บาท ปลูกแค่ 1 ไร่ 200 ต้น ขุดหลุมกว้างxยาวxลึก 30x30x30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถว 2×4 เมตร ถ้าปลูกลึกกว่านี้ เวลาขุดหน่อจะลำบากมาก แต่ทางที่ดีต้องเลือกแปลงทำพันธุ์กับทำหน่อ มีที่ไม่เยอะจึงทำได้เท่านี้
การดูแล…ง่ายมาก หากอยากให้หน่อออกตลอดทั้งปีช่วงหน้าแล้ง ให้รดน้ำ ปลูก 1 เดือน ใส่ปุ๋ย ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ใส่ขี้ไก่แกลบแทน ใส่ทุกๆ สองเดือน และหาใบไม้หรือฟางมาคลุมเพื่อรักษาความชื้นและทำให้หน้าดินร่วนซุย
ระบบน้ำ… 1 ไร่ ไม่ต้องใช้ระบบน้ำ รากสายยางรด ให้รดน้ำตั้งแต่วันแรกที่ปลูก รดน้ำทุก 3 วัน ฤดูปลูกที่เหมาะสมให้ปลูกก่อนฤดูฝน 1 เดือน จะประหยัดค่าน้ำ หลังจากนั้นให้ฝนช่วย ไผ่ถ้าติดแล้วจะไม่ตาย ปลูกทิ้งแล้วไปทำงาน มีเวลาค่อยกลับมาขุดขายก็ไม่มีปัญหา
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/06/179517525_861289084482443_9156909451420062062_n-1-1024x768.jpg)
เจ้าของเล่าต่ออีกว่า ตอนเริ่มปลูกไผ่คิดว่าจะปลูกเพื่อขายหน่อ คำนวณว่าจะตัดหน่อขายได้วันละ 30-40 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 60 บาท จะได้เงินวันละ 2,000 บาท แต่พอผลผลิตออกมาจริงๆ กลับมีอะไรที่คุ้มค่ากว่านั้นคือ การขุดต้นพันธุ์ขาย ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร ถ่ายรูปโพสต์ลงเฟซบุ๊กตามปกติ แต่พอลงไปแล้วเพื่อนในเฟซบุ๊กเมนต์มาถามกันเป็นจำนวนมากว่า คือไผ่พันธุ์อะไร เราก็บอกว่าเป็นไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง สามารถรับประทานดิบได้ คนเป็นเก๊าต์ก็รับประทานได้ ออกหน่อทั้งปี แค่รดน้ำ เท่านั้นแหละ ยอดสั่งซื้อมาเป็นหลักแสน แต่ทำให้ไม่ทัน จึงเริ่มมองเห็นโอกาสเบนเข็มมาขายต้นพันธุ์แทน
คิดง่ายๆ ว่า ไผ่ 1 ลำ สามารถทยอยเก็บหน่อขายได้ทุกวันก็จริง ถ้าขายหน่อจะเก็บได้วันละประมาณ 40 กิโลกรัม ขายส่งกิโลกรัมละ 40 บาท คิดเป็นรายได้วันละพันกว่าบาท แต่ถ้าขายต้นพันธุ์เราขุดขายได้ต้นละ 100 บาท
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/06/87988647_2993407010694613_2447532326746324992_n.jpg)
ไผ่สามารถขุดได้ปีละ 2 ครั้ง ใน 1 กอ อาจจะมี 15-18 ลำ ซึ่งใน 1 กอนั้น ให้เก็บไว้ 5-6 ลำ ที่เหลือขุดไปขายให้หมด
ดังนั้น ไผ่เฉลี่ย 200 กอ เราขุดต้นพันธุ์ได้ 8-10 ต้น/กอ คิดเป็นเงิน 800-1,000 บาท/กอ แล้วคูณ 2 เข้าไป เพราะ 1 ปี ขุดได้ 2 ครั้ง ถือเป็นพืชที่สร้างรายได้ดีมากๆ แต่คนมองข้าม ทุกวันนี้ผมปลูกไผ่ 1 ไร่ แต่สร้างรายได้จากการขายต้นพันธุ์ได้ปีละ 200,000 บาท
ปลูกไผ่สำเร็จ วางแผนปลูกผักเมืองหนาว
เสียบยอดไม้ผล สร้างรายได้เพิ่มอีก 2-3 ชนิด
หลังจากปลูกไผ่ได้สำเร็จ คุณสิทธิ์ได้ขยายแปลงปลูกผักเมืองหนาว และเสียบยอดไม้ผลอีกหลายชนิดเพื่อเป็นการเสริมรายได้เพิ่ม โดยแบ่งเป็นปลูกผักสวนครัวและผักเมืองหนาว 2 งาน ปลูกไม้ผลเพื่อขยายพันธุ์อีก 2 งาน และแบ่งพื้นที่ไว้เลี้ยงไก่ไข่ไว้รับประทานเองอีกเล็กน้อย ทำมา 1 ปี ตอนนี้เริ่มมีรายได้มาบ้างแล้ว
ตอนนี้การขายต้นพันธุ์ไผ่ถือเป็นรายได้หลัก ส่วนตัวที่กำลังสร้างรายได้ตามไผ่มาติดๆ คือ การเสียบยอดไม้ผลขาย วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่าย ได้เงินไว มีพื้นที่น้อยก็ทำได้ หลักการคือ การเสียบยอดไม้ผลขาย มีหลายชนิด เช่น ฝรั่ง อะโวกาโด มะเดื่อฝรั่ง ลำไยแดง ข้าวโพดหลายสายพันธุ์ ผักหวานป่า 1,000 ต้น โดยซื้อมาแค่อย่างละ 2 ต้น นำมาขยายพันธุ์เอง
ยกตัวอย่าง ถ้าเราอยากทำพันธุ์ฝรั่งขาย เราไม่จำเป็นต้องปลูก ผมแค่ซื้อต้นมาต้นละ 3 บาท นำมาชำไว้ 1 เดือน แล้วสั่งยอดมาเสียบ คิดง่ายๆ ว่า เราสั่งมา 100 ยอด ยอดละ 50 บาท คิดเป็นเงิน 5,000 บาท ต้นตอต้นละ 8 บาท แต่ทำขายได้ ต้นละ 100 บาท ทำได้ 5,000 ต้น เท่ากับเงิน 50,000 บาท ในเวลา 3 เดือน แบบไม่ต้องลงแรงให้เหนื่อย
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/06/189066547_874409273170424_5930756282010474234_n-1024x768.jpg)
เกษตรกรยุคใหม่ หาตลาดไม่ยาก ใช้สื่อโซเชียลในมือให้เป็นประโยชน์
หากเปรียบการตลาดสมัยก่อนกับสมัยนี้ ความสะดวกสบายต่างกันอยู่มาก เมื่อก่อนหากเจ้าของธุรกิจเจ้าของสินค้าอยากที่จะลงโฆษณาสินค้า จะต้องเสียเงินหลายบาทเพื่อที่จะซื้อพื้นที่บนสื่อสิ่งพิมพ์ หรือสื่อวิทยุโทรทัศน์ต่างๆ แต่ในยุคปัจจุบันการตลาดหาได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว
“ตอนนั้น ผมอายุ 19 ปี คิดว่าถ้าทำเกษตรสิ่งแรกที่ต้องทำคือ การตลาด ต้องโปรโมตผ่านหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือทำโบชัวร์ แต่เมื่อโซเชียลเข้ามา มีเฟซบุ๊กเราไม่ต้องทำไรมาก แค่สร้างพืชและสร้างสตอรี่ของสวนเราเท่านั้น ผมเป็นเกษตรกรสายชิว ตอนเช้าลุกมาทำสวนถึง 11 โมง แล้วกลับเข้าบ้านไปพัก บ่ายสามค่อยออกมาทำต่อ ผมไม่เคยประกาศขายของเลยสักครั้ง แต่ในเฟซบุ๊กของผมกลับมีแต่คนสนใจเข้ามาสั่งสินค้าของผม
ผมแนะว่าเกษตรกรรุ่นใหม่ไม่ต้องทำไรมาก แค่หมั่นสร้างสตอรี่ หมั่นนำเสนอตัวเองในกลุ่มต่างๆ ขยันถ่ายรายละเอียดก่อนและหลังปลูกพืช โพสต์เรื่องราวในสวนเรื่อยๆ พอมีคนมาชอบ มีคนมาคอมเมนต์ เราก็กลับไปแอดคนเหล่านี้ให้หมด การตลาดก็ได้มาแต่ตอนนั้นผลผลิตมีเท่าไรก็ไม่พอ รายได้ถืออยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทำงานแบบสบาย อยากตื่นตอนไหนก็ตื่น อยากนอนตอนไหนก็ได้” เกษตรกรสายชิวบอก
ฝากไว้ให้คิด ก่อนลาออกจากงานประจำมาทำเกษตร ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ข้อคิดดีๆ จากคุณสิทธิ์
ก่อนลาออกจากงานประจำมาทำเกษตร ผมเชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา โดยเฉพาะคนต่างจังหวัดที่ไปทำงานโรงงาน งานบริษัทในเมืองใหญ่ หลายคนอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง และหลายคนอยากกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัว แต่ด้วยภาระและหน้าที่ และไม่รู้จะเริ่มทำอะไรดี ถึงยังกลับมาอยู่บ้านไม่ได้
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/06/65261037_410508126227210_7953215057691672576_n.jpg)
และช่วงนี้ที่เห็นเป็นกระแสคือ การออกจากงานมาทำเกษตร ซึ่งผมจะบอกว่า การทำเกษตรมันไม่ยากหรอก ถ้าคุณไม่ทำขาย แต่จะเริ่มยากตรงที่คุณอยากได้เงินจากการทำเกษตร เพราะผมเห็นหลายคนที่ลาออกจากงานมาทำเกษตรแล้วไปไม่รอด ต้องซมซานกลับไปหางานทำในเมืองอีก ซึ่งถือว่าไม่ค่อยดีนัก
ผมมีหลักการบางสิ่งจะบอกกล่าวให้คนที่อยากออกงานมาทำเกษตรให้เป็นแนวทางไว้ได้คิดกันเล่นๆ คนที่ทำงานประจำแล้วอยากออกงานมาทำสวน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ จะเบื่องาน เบื่อคน เบื่อเวลา อยากกลับบ้าน ข้อควรคิดคำนึงก่อนออกมาทำสวนคือ
1 ต้องปลอดหนี้ คือต้องไม่มีหนี้สิน เพราะถ้าออกงานมาทำสวนแล้วยังมีหนี้สินอยู่ งานเข้าแน่ เพราะจะเป็นอุปสรรคบั่นทอนและเป็นแรงกดดันมหาศาลให้กับเราแน่ๆ
2 เตรียมความพร้อมก่อนออกงาน คือในช่วงขณะที่เราทำงานอยู่ เราก็เจียดเงินในแต่ละเดือนมาซื้อต้นไม้และอุปกรณ์ที่ใช้ในภาคเกษตรไปลงในสวนก่อน โดยเฉพาะต้นไม้ ควรปลูกไว้ให้เกือบได้ผลผลิตหรือได้ผลผลิตค่อยออกงานมาทำ จะลดความเสี่ยงลงได้เยอะมากๆ
3 วางแผน…ต้องกำหนดเป้าหมาย ว่าเราจะทำสวนแนวไหน วางแผนเงินทุน วางแผนเวลา วางแผนการตลาดและการผลิต วางแผนเจาะกลุ่มเป้าหมาย (ถ้าคิดจะทำผลผลิตขาย)
4 โมเดล หรือรูปแบบการทำสวน ควรเขียนโมเดลสวนออกมาก่อนจะปลูกหรือลงทุนลงแรง เพราะจะได้เป็นระบบและลงทุนได้ถูก ไม่เสียเวลาทำ วาดเขียนออกมาหลายๆ โมเดล โดยดูจากพื้นที่เราเป็นองค์ประกอบหลัก…
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/06/29983309_201166723828019_8650059547292859262_o-768x1024.jpg)
5 ความรู้…ความรู้เป็นสิ่งสำคัญในระดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านการตลาด การขาย ความรู้ด้านต้นไม้ ด้านพืช เพื่อเตรียมพร้อมสู้กับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในแต่ละวัน…ถ้าเรามีความรู้เราจะสามารถผ่านทุกปัญหาไปได้
6 เงินทุน…แน่นอนล่ะ เงินทุนก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมี จะมีมากมีน้อยก็ต้องมีสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
7 คอนเน็กชั่น…เราควรมีคอนเน็กชั่นดีๆ ไว้ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะหาได้…คอนเน็กชั่นคือ การมีเพื่อนหรือเครือข่ายผู้คน ถ้าคุณมีเครือข่ายเยอะๆ คุณจะผ่านได้เกือบทุกปัญหา…เเละบางทีคุณอาจจะไม่ต้องลงทุนหรือใช้เงินในการทำเกษตรเยอะก็ได้ …
8 ตลาด…ถ้าคิดอยากมีรายได้จากภาคเกษตร เราก็ต้องรู้จักหาตลาดให้เป็น ติดต่อคนให้ได้ ประสานงานให้เป็น ไม่ว่าจะตลาดออนไลน์ หรือตลาดในพื้นที่
สนใจรายละเอียด หรือติดต่อเข้าเยี่ยมชม ไร่บีสิทธิ์ เพิ่มเติม โทร. 081-428-4310