Saturday, 27 July 2024

อี่โภชนา เปิดโครงการ ขอเป็น “สะพานบุญ” ส่งข้าวกล่องให้ทีมแพทย์

สถานการณ์นับวันก็ยิ่งมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าในการรักษา ต่างก็ทำงานหนักตลอดหลายเดือน แทบขยับตัวไปไหนกันไม่ได้ ย่อมเกิดความเครียด กดดัน และเหนื่อยล้าสะสมกันไม่น้อย คุณหนึ่ง-อุทัย สุนิรันดร์ วัย 39 ปี เจ้าของรุ่นที่ 3 ของร้าน อี่โภชนา ร้านดังสามย่านที่อยู่คู่ชาวจุฬาฯ มากว่า 50 ปี นอกจากจะเป็นร้านอาหารซีฟู้ดจีนสไตล์ราคาหลักร้อยที่เข้าถึงได้ทุกคนแล้ว ร้านยังอาสาเป็นสะพานบุญช่วยเหลือทีมด่านหน้า ไปด้วยกัน

“จริงๆ ที่ร้านเคยทำโครงการข้าวกล่องให้บุคลากรทางการแพทย์มาตั้งแต่ปีที่แล้ว คือ มันเงียบมาก ร้านผมเป็นแบบเหลาอาหาร หันมาทำดีลิเวอรี่เหมือนเจ้าอื่นๆ มันก็รู้สึกไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่ เพราะร้านแบบผมต้องมานั่งกินเพื่อให้ได้บรรยากาศ แล้วลูกค้ากว่า 60% ของร้านเป็นชาวต่างชาติ พอ ปิ ด ป ร ะเ ท ศ เขาก็มากันไม่ได้ ลูกน้องผมก็ไม่มีงานทำ ผมเลยคุยกับแม่ว่าจะเอายังไงดี เพราะผมตัดสินใจจะไม่ลด เ งิ น เดือนลูกน้อง จะไม่ทิ้งใครเลยสักคน”

“แม่ก็บอกว่า ไหนๆ ก็ขายไม่ค่อยได้แล้ว ลองทำอะไรคืนกำไรให้สังคมไหม เป็นการทำบุญไปในตัว แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คนที่ทำงานโรงพยาบาลเขาเหนื่อยกันมากๆ ก็เลยกลับมาถามตัวเองว่า เราล่ะ ทำอะไรได้บ้าง จะช่วยเขาได้ยังไง ขนาดเรายังไม่ค่อยอยากไปโรงพยาบาลกันเลย แต่คนกลุ่มนี้เขาเลือกไม่ได้เพราะมันเป็นหน้าที่ เขาต้อง เ สี ย ส ล ะยิ่งเวลากินข้าวแทบไม่มี เราจะทำอะไรให้เขาทำงานกันได้สะดวกบ้าง ก็เลยเกิดเป็นโครงการทำข้าวกล่องไปให้เขา” คุณหนึ่ง เล่า

เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ครั้นจะลงมื้อทำคนเดียวก็อาจจะไม่ไหว จึงลองโพสต์เชิญชวนผู้มีใจอยากสมทบทุน คุณหนึ่ง กล่าวว่า ปีที่แล้ว เขามีการเปิดช่วยเหลือไปได้ 35 วัน คิดเป็นข้าวกล่องได้ 2,500 กว่ากล่อง ทั้งในช่วงระยะหลังๆ เมื่อโรงพยาบาลไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารแล้ว อีกทั้งยังพอมีเงินเหลือ เขาจึงบอกบรรดาผู้สนับสนุนว่า จะเอาเงินไปทำข้าวกล่องแจกคนที่เดือดร้อนเช่น ผู้ป่ว ย ติ ด เตียงในชุมชนแออัด เป็นต้น

“ตอนทำครั้งแรกปีที่แล้ว ก็โพสต์ถามเพื่อนๆ คนรอบตัวว่า เราจะทำแบบนี้ มีใครอยากทำด้วยไหม เพราะเอาจริงๆ มีคนอยากช่วยแบบนี้นะ คืออยากเอาอาหารไปให้ แต่เขาไม่รู้ว่าต้องติดต่อใคร ทำยังไง พอผมติดต่อประสานงานได้ เพราะมีแหล่งที่มาที่ไปชัดเจนว่าเราเป็นร้านอาหาร ทั้งโรงพยาบาลก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง ด้านคนที่อยากช่วยเหลือเขาก็สบายใจเพราะผมอัพเดตให้ตลอดว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณมาสมทบกับเรา มันกลายเป็นข้าวกล่อง ไปถึงมือบรรดาบุคลากรแพทย์จริงๆ”

คุณหนึ่งยังกล่าวอีกว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ร่วมสมทบกันมา ตนรู้ว่าแต่ละบาทมันหายากมากในช่วงแบบนี้ ฉะนั้นก่อนที่คนจะโอนเข้ามาให้ มันผ่านการคิดแล้วคิดอีก คุณหนึ่งจึงอยากทำให้มันเคลียร์ที่สุด จึงคอยอัพเดตหน้าเฟซว่าแต่ละวัน จะทำอะไร ยังไง ซื้ออะไรมาทำ เพราะเมนูที่ร้านทำให้หลากหลาย บางคนกลัวของเหลือทิ้ง คุณหนึ่งจึงชี้แจงว่า ก่อนที่จะเลือกโรงพยาบาลเพื่อส่งเสบียงให้ ทางคุณหนึ่งได้สอบถามถึงความต้องการของโรงพยาบาลว่า ต้องการมากน้อยเพียงใด ซึ่งจากประสบการณ์ส่งเสบียงเมื่อปีที่แล้ว ทุกโรงพยาบาล เมื่อเสบียงเพียงพอ โรงพยาบาลจะแจ้งเลยว่าพอแล้ว ไม่ได้ต้องการเอาของเยอะ

“ในช่วงแรกๆ จะมีคนนำไปบริจาคเยอะครับ แต่พอผ่านไปซักพัก แล้วสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น คนจะเริ่มบริจาคน้อยลง จุดนี้แหละที่พวกเราจะช่วยได้มาก ในการส่งเสบียงให้อย่างสม่ำเสมอ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกที่จะกระจายส่งหลายโรงพยาบาล ในจำนวนที่ไม่มากจนเกินไป แต่ส่งให้ทุกวัน เพื่อกระจายให้ทั่วถึงในแต่ละวัน การทำเช่นนี้ แน่นอนว่า ทำให้งานของผมเพิ่มขึ้นมากที่ต้องเรียกรถ 7-8 คัน ประสานทั้ง รพ ทั้งไรเดอร์ ทั้ง 7 ที่ ในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ได้รับอาหารที่สดใหม่ตรงตามเวลาที่ รพ. ต้องการ แต่ผมก็ยินดีเพื่อให้กระจายความช่วยเหลือไปอย่างทั่วถึงถามว่ามาทำตรงนี้แล้วได้อะไร กำไรน่ะมันไม่ได้หรอก แค่อยากเป็นสะพานบุญ ได้เงินมาจ่ายค่าแรงลูกน้องให้ครบก็พอแล้วสำหรับผม” คุณหนึ่ง กล่าว

ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้ คุณหนึ่งเปิดโครงการทำข้าวกล่องส่งทีมแพทย์อีกครั้ง โดยเปิดรับเมื่อวันที่ 15 เมษายน เป็นวันแรก ได้ยอด 50 กล่อง และล่าสุดเข้าสู่วันที่ 5 ยอดทะลุ 2,600 กล่อง เป็นที่เรียบร้อย “โครงการของเรา ผมตั้งใจว่าจะทำให้ต่อเนื่องและนานเท่าที่ทุนจะเอื้ออำนวย ผมจึงค่อยๆ ส่งในแต่ละที่ วันละ 50 กล่อง ในส่วนที่ ส่งจำนวนมากกว่านั้น เป็นความประสงค์ของเจ้าภาพ ซึ่งพวกเราก็ยินดีเป็นสะพานบุญให้ทุกคนนะครับ ใครที่อยากสมทบทุน ผมไม่ได้จำกัดว่าต้องช่วยเท่าไหร่ ต้องกี่กล่อง ถ้าใครอยากทำก็ยินดี เพราะน้ำใจคนมันจะเท่าไหร่ก็ได้” คุณหนึ่ง ว่าอย่างนั้น

ใครที่สนใจสมทบทุน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก E.pochana (อี่โภชนา)