การทำบุญ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก เอาเท่าที่เรามี แม้จะใช้เงินเพียงหนึ่งสลึง ก็ทำให้เกิดมหากุศลได้ ขอให้เงินนั้น ไม่ได้เบียดเบียนใครเขามาก็พอ และแม้หากไม่มีเงินเลย การใช้แรงกายในการช่วยกิจกรรมอันเป็นไปด้วยจิตที่เบิกบาน ก็เกิดเป็นมหาบุญได้เช่นกัน
การไปชักชวนให้คนนั้น คนนี้มาร่วมสร้างบุญ และได้อนุโมทนาบุญทุกครั้ง ก็บังเกิดบุญมากเหมือนกัน อยู่ที่เจตนาและจิตเป็นที่ตั้งท่านได้เคยเทศน์ไว้ว่า อานิสงส์จริงๆ ต้องทำบุญให้มากที่สุดเท่าที่จะพึงทำได้ สมมติว่า เรามีเงิน 10 บาท ใช่ไหม จะไปมาที่นี่เสียค่ารถ 6 บาท กินก๋วยเตี๋ยวอีก 3 บาทได้ครึ่งชามแล้ว หมดไป 9 บาท เหลือ 1 บาท

เงิน 1 บาท ทำสังฆทาน วิหารทาน ให้เขียนที่หน้าซองเลยว่า ” เงินนี้ถวายเป็นสังฆทาน วิหารทาน อันนี้อานิสงส์มากเหลือเกิน และถ้าจะให้ดี ถวายเป็นสังฆทาน วิหารทาน และธรรมทานด้วย อานิสสงส์นับไม่ถ้วนอันนี้ได้ จำนวนเงินเขาไม่จำกัด เขาจำกัดกำลังใจ ถ้ากำลังใจมุ่งด้านดีนะ
ฉะนั้น ญาติโยมที่บอกว่ามีเงินน้อย ความจริงไม่สำคัญ มีเงินน้อยแต่ถวายให้มันถูกจุด มีเงินมากเงินน้อยไม่สำคัญ เขียนหน้าซองเลยว่าผมหรือฉันขอถวาย สังฆทาน วิหารทาน และธรรมทานสรุปว่า การทำบุญนั้น ไม่ว่าเงินเท่าใดก็จะได้บุญ ยิ่งเป็นการทำบุญที่จะเกิดอานิสงส์มาก เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งหลายจำนวนมาก บุญนั้นจะมากขึ้นทวีคูณ และไม่มีวันหมด จนสิ่งก่อสร้างนั้นพังทลายหรือหมดกำลังบุญไปเอง

ชีวิตเราหลีกหนีเรื่องปัญหา “ความทุกข์” ต่างๆ ไม่ได้ คงไม่แปลกใจที่เราทุกคนจะค้นหาวิธีดับทุกข์ คลายทุกข์ ตลอดจนสร้าง แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ถ้าคุณเริ่มที่จะเป็นผู้ให้ คุณก็จะเป็นคนยิ่งใหญ่ในสายตาคนอื่นๆ ได้ “
เรียบเรียงโดย ธรรมะเกษตรก้าวหน้า