ที่เฮือน สวน เฮา บ้านนามน ต.นามน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตร จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนักวิชาการเกษตร สื่อมวลชน ติดตามผลการดำเนินงานของกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผักนามน ของนายปาฏิหาริย์ มาตสะอาด อายุ 25 ปี ซึ่งมีการต่อยอด จัดทำจุดเช็คอิน ร้านอาหาร โดยนายปาฏิหาริย์ได้นำชมผลการดำเนินงานในสวนที่หลากหลาย ทั้งเลี้ยงไส้เดือนดิน แปลงปลูกดอกกระเจียวหวาน สวนมะนาวและนาข้าวให้ปุ๋ยน้ำทางใบ
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2020/09/12321.jpg)
นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดให้ จ.กาฬสินธุ์ เป็นจังหวัดนำร่องในการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน เพื่อยกระดับรายได้ ทั้งนี้ได้ดำเนินการโครงการ Kalasin Green Market ขึ้นเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมเกษตรและอาหารปลอดภัย ยกระดับรายได้ภาคการเกษตรและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ภายใต้การแก้ไขปัญหาความยากจนของ จ.กาฬสินธุ์ โดยโครงการดังกล่าว ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกผักรวมกลุ่มกันวางแผนการผลิต การบริหารจัดการผลผลิตและการตลาด ในรูปแบบของสหกรณ์ พืชที่ปลูกมีความหลากหลาย เป็นที่ต้องการของตลาด สามารถขายได้ตลอดทุกฤดูกาล โดยผลผลิตที่ผลิตได้ต้องปลอดภัย มีคุณภาพและได้มาตรฐาน จึงจะทำให้เกิดความยั่งยืน และสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้ในที่สุด
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2020/09/1121.jpg)
นายธีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร จัดประชุมเกษตรกรผู้ปลูกผัก และเชิญชวนเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมปลูกผักปลอดภัยเพื่อการค้า จากนั้นจัดตั้งเป็นกลุ่มปลูกผักปลอดภัย โดย อ.นามน มีสมาชิกแรกเริ่ม 35 คน พื้นที่ปลูกผัก 51 ไร่ จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผักนามน ในปี 2561 มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 53 คน พื้นที่ปลูกผัก 115 ไร่ ต่อมาสมัครเข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ คือแปลงใหญ่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผักนามน ปัจจุบันมีสมาชิก 114 คน พื้นที่ปลูกผักประมาณ 200 ไร่ ในส่วนของแปลงเฮือนนามน ที่โดดเด่นคือเลี้ยงไส้เดือน ปลูกผักกระเจียว และวางระบบสปริงเกอร์ในแปลงนา โดยเป็นการให้ปุ๋ยน้ำทางใบนั้น นับเป็นเกษตรหัวก้าวหน้ารุ่นใหม่ ที่มีความตั้งใจและมีอนาคต สามารถเป็นแบบอย่างเกษตรกรรุ่นใหม่อีกแห่งหนึ่ง
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2020/09/563000009232101.jpg)
ด้านนายปาฏิหาริย์ มาตสะอาด เจ้าของแปลงเกษตรเฮือน สวน เฮา กล่าวว่า ก่อนที่ตนจะสมัครเป็นสมาชิกแปลงใหญ่ เคยผ่านการศึกษาและทำงานด้านอื่นๆมาก่อน ล่าสุดเป็นวิทยากร ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ทำให้มีเครือข่ายหลายสาขาอาชีพ โดยที่ผ่านมานั้น ถึงแม้ว่าทางครอบครัวจะประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่ ทำสวน แต่ตนก็ไม่เคยลงมือช่วยทำการเกษตรเลย เพราะมุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนและทำงานอย่างเดียว แต่สุดท้ายชีวิตการทำงานดังกล่าวก็เหมือนจะอิ่มตัว และรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ประกอบกับเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทุกอาชีพต่างได้รับผลกระทบกันหมด จึงตัดสินใจจากการทำงานที่กรุงเทพฯกลับบ้านเกิด เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวิถีเกษตรกรรมธรรมชาติตามยุค New Nomal
นายปาฏิหาริย์ กล่าวอีกว่า พอกลับมาอยู่บ้านทราบว่าทางเกษตรอำเภอนามน เชิญชวนเกษตรกรร่วมโครงการแปลงใหญ่ สอดคล้องกับที่ทาง ผวจ.กาฬสินธุ์ รณรงค์ปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนค่าครองชีพ และป้องกันปัญหาขาดแคลนหลังได้รับผลกระทบโควิด-19 ตนจึงขออนุญาตพ่อแม่ สมัครเป็นสมาชิกแปลงใหญ่ ใช้พื้นที่ประมาณ 11 ไร่ ทำการเกษตรผสมผสาน นาข้าว 6 ไร่ นอกนั้นเป็นบ่อกักเก็บน้ำฝนและพืชสวน จากเดิมที่ปลูกมะนาวอยู่แล้ว ก็ต่อยอดด้วยการปลูกกระเจียวหวาน และเสริมด้วยพืชผักสวนครัวชนิดต่างๆ ช่วงแรกๆพืชเติบโตช้า เนื่องจากสภาพดินมีค่อยมีคุณภาพ จากการตรวจสอบพบสารอาหารในดินต่ำและเป็นดินทรายผสมหินกรวด
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2020/09/11130.jpg)
“จากการที่เคยทำงานหลายแห่งดังกล่าว ซึ่งเคยเดินทางไปศึกษาดูงานหลายพื้นที่ จึงได้นำความรู้ ประสบการณ์มาประยุกต์ ควบคู่กับศึกษาการทำเกษตรผสมผสานจากยูทูป มาออกแบบเป็นนวัตกรรมเกษตรกรรมธรรมชาติ โดยเริ่มจากเพาะพันธุ์ไส้เดือนดิน ใช้ปุ๋ยคอกและอินทรีย์ชีวภาพ เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ในสวนมะนาว ดอกกระเจียวหวาน และผักสวนครัว ขณะที่แปลงนานั้น 6 ไร่นั่น เนื่องจากเป็นดินทราย ผสมหินกรวด ตนจึงทำนาแบบนาหยอด โดยเป็นข้าวเจ้า กข 15 ลงทุนติดตั้งระบบน้ำพุ่ง โดยทำเป็นแปลงสาธิต 1 ไร่ วางสายยางทั่วแปลงนา เจาะรูเป็นระยะ เพื่อให้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพทางใบ ทำให้ประหยัดน้ำ” ปาฏิหาริย์กล่าว
ปาฏิหาริย์ กล่าวในตอนท้ายว่า พอลงมือทำการเกษตรในยุค New Nomal ซึ่งเป็นการทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ทำให้รู้สึกสนุก ท้าทาย ทำให้เกิดรายได้ทุกวัน ซึ่งต้องขอบคุณโควิดที่ปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ในวิถี New Normal ให้ชีวิตดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เดิมเกษตรกรในพื้นที่นี้จะผลิตข้าวได้ไร่ละประมาณ 100 กก. สำหรับตนตั้งเป้าผลิตให้ได้ไร่ละ 400-500 กก. ขณะที่นาข้าวในแปลงสาธิต 1 ไร่ ที่ใช้ระบบน้ำพุ่งโดยเป็นการให้ปุ๋ยน้ำทางใบนั้น ตั้งเป้าได้ผลผลิต 1 ตัน