หนุ่มใหญ่ เลี้ยงปลามา 10 ปี พึ่งรู้เป็นปลาพันธุ์หายาก โลละ 3,500 บาท

วันนี้จะพาไปดูการเพาะเลี้ยงปลาของ นายสมโชค สงนวล อายุ 58 ปี ชาวต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ที่เพาะเลี้ยง ปลาพลวงชมพู หรือปลากือเลาะ เพื่อไว้บริโภคในครัวเรือนมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยหาลูกพันธุ์มาจากแหล่งน้ำตกใกล้บ้าน ซึ่งอยู่ติดกับเทือกเขาบรรทัด นำไปเลี้ยงจนได้ขนาด ก่อนจะนำมาทำอาหารหลากหลายเมนู

แต่ทว่าเมื่อปี 2562 มีบริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรัง เข้ามาทำโครงการวิจัย และพบว่าเป็นปลาพลวงชมพูชนิดเดียวกับที่พบใน อ.เบตง จ.ยะลา เป็นปลาน้ำจืดในตระกูลปลาตะเพียน หรือบางแห่งเรียกว่า ปลาเวียน เป็นปลาที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ สามารถนำไปทอดกรอบแล้วกินได้ทั้งเกล็ด แตกต่างจากปลาทั่วไป เนื่องจากเกล็ดมีลักษณะอ่อนนิ่มมาก

หลังจากที่รู้ดังนั้น นายสมโชค จึงได้หันมาเพาะเลี้ยงไว้ได้ประมาณ 1,000 ตัว อายุตั้งแต่ 4-7 เดือน ทำบ่อพลาสติกลึกประมาณ 50-60 เซนติเมตร ใส่ท่อซีเมนต์ไว้หลายท่อ เพื่อให้ปลาหลบซ่อนตัว ใช้น้ำจากภูเขาไหลผ่านบ่อต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 บ่อ แต่หากเลี้ยงครบ 1 ปี ปลาพลวงชมพูจะมีน้ำหนักตัวละประมาณ 1 กิโลกรัม

โดยมีราคาขายสูงถึง กิโลกรัมละตั้งแต่ 2,000-3,500 บาท หากส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง และมาเลเซียจะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 5,000-6,000 บาท ซึ่งขณะนี้เกษตรกรยังรอขุดบ่อเพิ่มเพื่อขยายพันธุ์ปลาให้มากขึ้น

ทั้งนี้มีบริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรังเข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยู่ริมเทือกเขาบรรทัด รวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพูเกรดพรีเมี่ยม เพื่อให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ ที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่

เนื่องจากมีสายน้ำจากเทือกเขาบรรทัดไหลผ่าน ทำให้น้ำใสสะอาด ปลาเนื้อแน่น โตเร็วไม่มีกลิ่นคาว ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำ เหมาะสำหรับเป็นที่อาศัยอยู่ปลาพลวงชมพูเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านมีการรวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยงปลาชนิดนี้มากขึ้นแล้ว

นายสมโชค กล่าวอีกว่า ตนเลี้ยงปลาพลวงชมพูมาประมาณ 1 ปี แต่ก่อนหน้านี้เลี้ยงมา 10 ปีแล้ว มีอยู่ประมาณ 1,000 ตัว เริ่มแรกก็เพื่อบริโภคในครัวเรือน รสชาติดี ราคาขายในตลาดตนไม่รู้

แต่รู้ว่าใน 3 จังหวัดบอกว่ากิโลกรัมละ 3,500 บาท แต่ตนยังไม่เคยได้ขาย นอกจากนี้ยังมีปลาชะโอนหิน ซึ่งราคาขายกิโลกรัมละ 300 บาท และหากินได้ ตอนนี้อยากจะขยายบ่อแต่ยังไม่มีงบ หากได้บ่อจะเลี้ยงเพิ่มอีกเยอะ ซึ่งตอนนี้มีเกษตรกรสอบถามเข้ามาเยอะมาก และมองว่าน่าจะเป็นรายได้เสริมที่ดีอีกทางหนึ่ง

เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีมาก ที่คนไทยจะได้มีปลาชนิดใหม่กินแล้ว ใครเคยกินปลาชนิดนี้แล้วบ้าง อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะว่ารสชาติอร่อยดังที่ข่าวกล่าวมาหรือไม่

ที่มา : thaihitz