Saturday, 27 July 2024

สารอาหาร 8 ชนิดที่พืชต้องการ ควรรู้และควรศึกษาไว้จะได้ดูแลพืชได้ดี

ต้นไม้มีสิ่งสำคัญที่ควรระวังอยู่ 5 เรื่อง ได้แก่ แสงต้องถึง น้ำต้องเพียงพอ อากาศต้องถ่ายเท ปุ๋ยต้องหมั่นใส่และดิน (วัสดุปลูก) ต้องแน่น โดยเฉพาะอย่างหลังที่หากใช้ผิดประเภทต้นไม้อาจมีอาการไปไม่เป็นเช่นกัน

1.ดิน
ดินมีหลายสูตรหลายประเภทให้เลือกใช้ ส่วนมากจะระบุไว้ตั้งแต่หน้าถุงแล้วว่าเหมาะกับปลูกอะไร ไม้ดอกไม้ประดับหรือเพาะกล้า ซึ่งไม้แต่ละชนิดก็ชอบวัสดุปลูกไม่เหมือนกัน บางประเภทชอบดินโปร่ง บางประเภทชอบดินระบายน้ำแต่เก็บความชื้นได้ดี นอกจากลักษณะของดินแล้วยังมีเรื่องแร่ธาตุ อาทิ ใบก้ามปู ใบก้ามปูเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีธาตุไนโตรเจนสูงกว่าพืชชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นธาตุหนึ่งที่พืชต้องการ สังเกตได้ว่าเวลาชาวนาปลูกข้าวเสร็จ เขาจะเปลี่ยนมาปลูกพืชตระกูลถั่ว เพื่อเพิ่มแร่ธาตุให้กับผลผลิตในปีต่อๆไป นอกจากนี้ใบก้ามปูยังย่อยสลายช้า ช่วยรักษาสภาพดินให้ร่วน โปร่งนาน หากใช้ไม้ใบที่ย่อยสลายเร็วอาจทำให้เกิดความร้อนในดิน ซึ่งมีผลเสียต่อพืชและอาจทำให้ดินกลายสภาพเป็นดินแข็งอีกด้วย

2.หินภูเขาไ ฟ (Pumice)
ลักษณะเหมือนก้อนหิน มีรูพรุน น้ำหนักเบาระบายอากาศได้ดี ช่วยป้องกันไม่ให้ดินจับตัวเป็นก้อน ทำให้อากาศหมุนเวียนในภาชนะปลูก ที่สำคัญในหินภูเขาไฟยังมีแร่ธาตุสำคัญอยู่ เช่น ซิลิกา แคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งธาตุเหล่านี้ช่วยดูดซับสารอาหารที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชได้ดีและยังช่วยลดความเป็นกรดในดินได้อีกด้วย หินภูเขาไฟมีหลายขนาด คนนิยมนำขนาดเล็กเบอร์ 1 มาใช้ผสมดินปลูกต้นไม้ที่ต้องการความร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี หรือขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยประมาณเบอร์ 2 หรือ 3 จะใช้รองก้นกระถางต้นไม้ ช่วยให้น้ำไม่ขังอยู่ในภาชนะปลูก

ซึ่งเป็นสาเหตุของรากเน่าด้วย นอกจากนี้ยังนำมาโรยหน้ากระถางเพื่อป้องกันไม่ให้หน้าดินกระจัดกระจายเวลารดน้ำ อีกทั้งยังช่วยกักเก็บความชื้นให้อยู่ภายในกระถางพืชที่เหมาะกับการใช้หินภูเขาไฟปลูกมีหลายชนิด แต่ที่ฮิตสุดๆ ก็คงจะเป็นกระบองเพชรนั่นแหละครับ

3.พีตมอส (Peat Moss)
พีตมอสเกิดจากคำว่า Peat หมายถึงซากต่างๆ ที่ทับถมกันมานานหลายปี และคำว่า Moss หรือพืชจำพวกมอส มีอยู่หลากหลายสาย
พันธุ์ เมื่อนำมารวมกันจึงหมายถึงวัตถุที่เกิดจากการย่อยสลายของมอสสายพันธุ์หนึ่งคือสแฟกนัม (Sphagnum sp.) เรามักพบพีตมอสอยู่ชั้นล่างของสแฟกนัมมอสที่ยังมีชีวิตใช้เวลาสะสมและย่อยสลายนานหลายร้อยปีและมักจะเติบโตได้ดีในพื้นที่อากาศหนาวเย็น จึงต้องนำเข้ามาขายในประเทศไทย ทำให้มีราคาสูงกว่าดินทั่วไปพีตมอสเป็นอินทรียวัตถุที่มีความโปร่ง

สามารถเก็บความชื้นได้ดี อุดมไปด้วยแร่ธาตุ คนนิยมนำมาใช้เพาะเมล็ด เพาะกล้าหรือผสมกับวัสดุปลูกชนิดอื่นๆ ในประเทศไทยนำเข้าพีตมอสหลายแบรนด์ ผมเคยลองใช้ Super Peat ที่ใส่ธาตุอาหารเพิ่มเติมลงไปด้วย ราคาสูงกว่าพีตมอสทั่วไป แต่ก็แลกมากับปริมาณสารอาหารเพิ่มมากขึ้น พีตมอสขนาด 5 ลิตร 1 ถุง พอดีกับถอดเพาะเมล็ด 100 หลุม

4.กาบมะพร้าวสับ / ขุยมะพร้าว
วัสดุสารพัดประโยชน์ที่คนเลี้ยงต้นไม้คุ้นเคยมากที่สุด เพราะพืชหลายชนิดจำเป็นต้องพึ่งพาคุณสมบัติของกาบมะพร้าวสับอย่างหลีกเลี่ย งไม่ได้ รวมถึงบางพวกสามารถใช้กาบมะพร้าวสั บแทนดินในการปลูกได้เลย

ส่วนขุยมะพร้าวมีน้ำหนักเบา อุ้มน้ำได้ดีไม่แพ้กาบมะพร้าวสับ ข้อดีคือมีธาตุโพแทสเซียมอยู่ เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นวัสดุปลูกไม้ตอนตอนกิ่งหรือผสมดินเพื่อเพิ่มความร่วนซุยให้กับชั้นดินก่อนนำกาบมะพร้าวมาใช้ควรแช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 วัน เพราะในกาบมะพร้าวมีสารแทนนินอยู่จำนวนมาก เมื่อละลายน้ำจะกลายเป็นกรดแทนนิกที่มีผลกับต้นไม้บางชนิด ส่งผลให้เกิดอาการขอบใบไหม้หรือเหลืองตามมาได้ หมั่นเปลี่ยนกาบมะพร้าวทุกปี และไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำอีกครั้ง แม้จะต้องใช้ในปริมาณมาก แต่ราคาก็ยังเป็นมิตรเพียงถุงละ 30-50 บาท ซื้อไปเถอะครับจะได้ช่วยอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าด้วย

5.แกลบเผา /ขี้เถ้าแกลบ
วัสดุปลูกสีดำผ่านการเผาจนกลายเป็นขี้เถ้ามาแล้ว มีความโปร่ง ระบายน้ำได้ดีเช่นเดียวกับพีตมอส จึงมักนำมาผสมกับดินหรือวัสดุปลูกชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะพืชที่ต้องการความร่วนและธาตุอาหารอย่างพืชเพาะกล้า เพาะชำหรืออนุบาลต้นไม้ ขี้เถ้าแกลบมีค่า pH ค่อนข้างสูงช่วยลดความเป็นกรดในดินได้ แต่หากไม่แน่ใจว่าดินของคุณเป็นกรดหรือไม่ ก่อนนำมาใช้ควรชะด้วยน้ำเปล่า เพื่อป้องกันพืชแสดงอาการใบเหลืองทีหลัง

แม้หน้าตาของขี้เถ้าแกลบจะดูธรรมดา แต่เป็นวัสดุปลูกที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เนื่องจากภายในเถ้าล้วนอุดมไปด้วยธาตุคาร์บอน จึงเป็นการเพิ่มคาร์บอนให้กับดินแทนที่จะเปลี่ยนเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ถึงแม้สุดท้ายต้นไม้จะคายมันออกมาในตอนกลางคืนอยู่ดีก็เถอะ

6.ดินญี่ปุ่น (Akadama)
ดินญี่ปุ่นมีลักษณะพรุนและโปร่ง ทำให้เก็บความชื้นได้ดี เป็นแร่ธาตุที่เกิดจากภูเขาไฟ จึงอุดมไปด้วยธาตุอาหาร มีหลายขนาดให้เลือกใช้ สามารถนำมาโรยหน้ากระถางแทนกรวดหรือหินภูเขาไฟได้ นิยมนำมาปลูกบอนไซ แคคตัส หรือไม้อวบน้ำ เนื่องจากข้อดีของดินญี่ปุ่นคือเ นื้อไม่แข็ง

ทำให้ไม่บีบอัดโคนต้นไม้และได้ฟอร์มที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีดินญี่ปุ่นอีกประเภทเรียกว่าดินคานุมะ (Kanuma) มีลักษณะคล้ายดินญี่ปุ่นแต่มีสีเหลือง มีน้ำหนักเบา อุ้มน้ำ ระบายน้ำได้ดีกว่าและยังมีแร่ธาตุสูง จึงช่วยเจริญเติบโตได้ดีกว่า แต่มีราคาสูงกว่าดินญี่ปุ่นทั่วไป

7.เพอร์ไลต์ (Perlite) / เวอร์มิคูไลต์ (Vermiculite)
เพอร์ไลต์เกิดจากการนำแร่หินภูเขาไฟตามธรรมชาติมาเผาด้วยความร้อนสูงจนได้เป็นหินกรวดสีขาวขนาดเล็ก มีน้ำหนักเบา อุ้มน้ำและระบายน้ำได้ดี แตกต่างกันที่สีและลักษณะเป็นชิ้นเล็กๆ แม้หน้าตาของเวอร์มิคูไลต์จะดูธรรมดา แต่อุดมไปด้วยธาตุอาหารสำคัญ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียมและแคลเซียม วัสดุปลูกทั้งสองชนิดไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ควรเปลี่ยนทุกๆ ปี เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการอุ้มน้ำและระบายอากาศเอาไว้เสมอ

8.เม็ดดินเผา (Popper)
เม็ดดินเผาได้มาจากการเผาดินเหนียวที่อุณหภูมิสูงจนอัดแน่นกันเป็นเม็ดมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ระบายน้ำและอากาศได้ดี เพราะสร้างช่องว่างในวัสดุปลูกได้เยอะเป็นวัสดุปลูกที่นิยมนำมาใช้โรยหน้ากระถางต้นไม้เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นไม้ล้มหรือผสมในดินสำหรับไม้ดอกไม้ประดับ แถมยังช่วยกักเก็บความชื้นให้อยู่ในดินได้อีกด้วย

เรียบเรียงโดย ภาวิกา ขันติศรีสกุล
แหล่งที่มา https://thestandard.co