จะมีใครสักกี่คน ที่ปลงกับชีวิต แล้วยกทุกอย่างที่มีของตนเองให้คนอื่นเกือบหมด เพื่อใช้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ไม่คิดครอบครองสิ่งใดเรื่องราวต่อไปนี้เรียกได้ว่าเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานสักพักใหญ่ แต่เราก็ไม่อยากให้ใครลืมเรื่องราวดีๆ อย่างนี้ไป
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2559 รายการคนเฝ้าข่าว รายงานว่า คุณตาสวิง และคุณยายชม้อย ทองคำ สองตา ยายวัยเกือบ 90 ปี ซึ่งทั้งคู่ไม่มีลูก สองตายายอาศัยอยู่ในบ้านไม้หลังเล็กๆด้วยกันนอนในมุ้งเก่าๆภายในบ้านรายล้อมไปบ้านพระบรมฉายาลักษณ์พระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เป็นเครื่องเตือนใจให้ทั้งคู่ยึดมั่นในพระราชดำริ และพระราชดำรัส ทั้งสองดำรงชีวิตด้วยการปลูกผัก-ผลไม้กิน และที่เหลือก็นำไปขายในราคาถูกเพื่อช่วยเหลือคนจน
เมื่อคุณตา คุณยาย ผู้มีน้ำใจอันยิ่งใหญ่บริจาคที่ดิน กว่า 100 ล้านบาทกับเงินสดอีก 2 ล้านบาท เพื่อสร้าง รพ. ทั้งยังซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ อีกด้วย ซึ่งทางผอ. รพ.เผยจะตอบแทนให้ดีที่สุดดูแลเหมือนญาติผู้ใหญ่เพราะท่านเป็นผู้มีระคุณของชาวปากเกร็ด คุณตาสมิง ทองคำ และคุณยายชม้อย ทองคำอายุ 87 ปี คุณตาคุณยาย ผู้ปิดทองหลังพระบริจาคที่ดินสร้าง รพ.
โดยบ้านพักของคุณตา คุณยาย นั้นเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกใต้ถุนสูงอยู่กลางสวนด้านหลัง รพ.ปากเกร็ดแห่งใหม่ภายในบ้านนั้นรายล้อมไปด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร. ที่ 9
ส่วนของเครื่องใช้เป็นแบบชาวบ้านในสมัยก่อน และมีการหุงข้าวทำกับข้าวด้วยฟืนอาศัยเก็บผักในสวนรับประทาน อีกทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีเพียงตู้เย็นเล็กๆหลังเก่าและพัดลม คุณตาคุณยายใช้วิธีรับฟังข่าวสารจากการฟังเพลงวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเก่า 1 เครื่อง คุณยายชม้อย ได้เปิดเผยเรื่องราวว่าที่ดินที่ตนบริจาคนั้นเป็นมรดกจากทางแม่และแม่ได้สั่งเสียไว้ว่าห้ามขๅยเด็ดขาดทางนี้แก่แล้วและไม่มีลูกหลานและไม่อยากขายที่ดินในครั้งแรก จึงคิดบริจาคเพื่อสร้างอนามัยแต่น้องชายที่ขณะนี้ได้จากไปแล้ว เคยทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอว่า
ให้บริจาคสร้าง รพ.ปากเกร็ด ชาวบ้านจะได้มาร่วมรักษาเวลาที่ไม่สบาย ตนเองก็เห็นด้วยจากนั้นน้องชายเป็นคนเดินเรื่องมอบที่ดินทั้งหมดได้พาไปถวายแด่กรมสมเด็จพระเทพด้วยมือของตนเองสร้างความภูมิใจเป็นอย่างมาก คุณยายชม้อย เผยว่าเจ้าหน้าที่ได้เร่งสร้าง รพ.แต่เจอปัญหาน้ำท่วมจึงได้มาสร้างอย่างจริงจังในปีพ.ศ. 2557 ถึงปีพ.ศ. 2558 ตอนนี้ ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเปิดให้บริการโดยไม่ต้องการให้รู้ว่าตนเป็นคนบริจาค
หลังจากบริจาคทาง รพ.ดูแลตลอดทั้งค่ารักษาหรือถ้าไปรักษา รพ.อื่นก็มีเจ้าหน้าที่มารับมาส่งดูแลตลอดจนรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากดีใจที่สร้างจนเสร็จน้ำตาไหลที่ ประชาชนจะได้รักษาอีกมากมาย สำหรับรพ.ปากเกร็ดนั้น เดิมรับผู้ป่วยได้เพียง 30 เตียง ก่อนจะได้รับการขยับขยายมาสู่ที่ดินดังกล่าวได้ 2 เดือนแล้ว แม้ทางรพ.ยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่มากพอสมควร แต่เจ้าหน้าที่ของรพ.ก็ยืนยันว่าไม่ใช่อุปสรรคในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งพวกเขายึดการปฏิบัติตามแนวพระราชดำรัสของในหลวงร. 9