โรงเรือนโคขุนหรือโรงเรือนเลี้ยงโค ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคสำหรับเป็นที่พักอาศัยของโค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลี้ยงโคขุนที่จำเป็นต้องเลี้ยงโคในโรงเรือนเพื่อขุนโคให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น สถานที่
1. ควรเป็นที่ดอน ระบายน้ำได้ดี หรืออาจจะต้องถมพื้นที่ ให้สูงกว่าระดับปกติเพื่อไม่ให้น้ำขังในฤดูฝน
2. ควรมีทางให้รถบรรทุกเข้าออกได้ เพื่อความสะดวกในการนำโคเข้าขุนและส่งตลาด
3. ควรให้ความยาวของคอกอยู่ทิศตะวันออก-ตะวันต ก
4. วางแผนให้สามารถขยายกิจการได้ในວนาคต
ขนาดของคอก
1. โรงเรือนอาจะประกอบด้วย คอกขังเดี่ยวหลายๆ คอกตามจำนวนโคที่ต้องการขุน แต่ละคอกควรมีขนาด กว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร
2. หากต้องการขุนแบบรวมหลายตัวในคอกเดียวกัน พื้นที่คอกไม่ควรน้อยกว่า 8 ตารางเมตร/ตัว ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวควรมีหลังคาอยู่ประมาณ 1 ใน 3 ก็เพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลือให้เป็นที่โล่งหรือมีร่มไม้ก็ยิ่งดี
3. ถ้าพื้นที่ต่อตัวน้อยเกินไป จะมีปัญหาเรื่องพื้นคอกแฉะ แม้กระทั่งฤดูแล้ง แต่ถ้ามากเกินไปก็จะต้องเสี ยพื้นที่มากและเปลืองค่าใช้จ่ายในการสร้างคอกมากขึ้น
4. ถ้าจะสร้างหลังคาคลุมพื้นที่คอกทั้งหมดก็ได้ มีข้อดีที่ไม่ทำให้พื้นคอกแฉะในฤดูฟน แ ต่ ก็มีข้อเสี ยหลายประการคือ สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุและโคอาจจะขาดวิตามินดี เพราะไม่มีโอกาสได้รับแสงแ ด ดเลย
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/11/3-1-1.png)
พื้นคอก
1. พื้นคอกสามารถเทคอนกรีต ทั้งหมดได้ก็เป็นการดี เพราะในฤดูฝนได้จะช่วยได้เยอะมาก แต่ถ้าต้องการประหยัดก็อาจจะเทคอนกรีต เฉพาะพื้นคอกส่วนที่อยู่ใต้หลังคาก็ได้
2. พื้นคอนกรีตหนา 7 ซ.ม. โดยไม่ต้องผูกเหล็ก สามารถรับน้ำหนักได้ สำหรับฟาร์มขนาดใหญ่ ถ้าต้องการให้รถแทรกเตอร์ รถไถ เข้าไปในคอกได้ จำเป็นจะต้องเทคอนกรีตให้หนา 10 ซ.ม. และผูกเหล็กหรือไม้รวกก็ได้
3. ผิวหน้าของพื้นคอนกรีต ควรทำให้หยาบ และพื้นคอกควรลาดเอียงจากด้านหน้าลงด้านหลังคอก ประมาณ 2-4% หรือทำมุมประมาณ 15 องศากับพื้นราบ เพื่อให้น้ำสิ่งต่างๆลงท้ายคอกได้ง่ายขึ้น
4. พื้นคอกส่วนใหญ่ ที่เป็นคอนกรีตใต้หลังคา ควรจะปูด้วยวัสดุที่ซับความชื้นได้ดี ได้แก่ แกลบ ฟาง หรือซังข้าวโพด เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดคอกทุกวัน การเปลี่ยนวัสดุรองพื้นคอกควรทำ 1-2 ครั้งต่อเดือน
5. ควรทำบ่ากั้นแกลบไม่ให้ไหลจากส่วนใต้หลังคาคอนกรีตไปยังส่วนที่เป็นพื้นดิน
6. การปูวัสดุรองพื้นนี้อาจจะไม่จำเป็นเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ผู้เลี้ยงโคขุนบางรา ยนิยมการล้างทำความสะอาดพื้นคอกทุกวัน ซึ่งได้ผลดีเช่นเดียวกัน แต่สิ้นเปลืองแรงงานค่อนข้างมาก จากประสบการณ์สรุปว่าในฤดูแล้งควรใช้วิธีปูวัสดุรองพื้น ส่วนในฤดูฝนควรใช้วิธีทำความสะอาดคอกทุกวัน
7. มีผู้ทดลองใช้ซีเมนต์บล็อคเป็นพื้นคอกแทนการเทคอนกรีต ปรากฏว่าไม่สามารถทนน้ำหนักได้
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/11/20160209_040709_project_2052399_big-1024x466-1.jpg)
หลังคา
1. สามารถทำด้วยวัสดุต่างๆ กัน เช่น กระเบื้อง สังกะสี จาก หรือ เเฝก
2. ถ้าหลังคามุงด้วยสังกะสี ควรให้ชายล่างหลังคาสูงจากพื้นดินประมาณ 250 ซ.ม. มิฉะนั้นจะทำให้อากาศภายในคอกในฤดูร้อน
3. ถ้าหลังคามุงจาก หรือแฝก ชายล่างของหลังคาควรให้สูงจากพื้นดิน 250 ซ.ม. เช่นกัน ถ้าต่ำกว่านั้นโคจะกัดกินหลังคาได้
เสาคอก
1. เสาคอกด้านหน้าควรอยู่ในแนวขอบรางอาหารด้านหลัง ไม่ควน เลยออกมาจากขอบรางทั้งด้านภายในรางและภายนอกรางด้านหลัง สามารถทำด้วยวัสดุต่างๆ กันเช่น ไม้เนื้อแข็ง ไม้ไผ่ ไม้สน เหล็ก แป๊ปน้ำ หรือคอนกรีต
2. เสาไม้ เสาเหล็ก และแป๊ปน้ำ มักพบว่าเสาขาด คอดิน แก้ไขโดยการหล่อคอนกรีตหุ้มโคนเสาสูงจากพื้นดินประมาณ 30 ซ.ม. การหุ้มโคนเสามัก จะเกิดการเเ ต กร้าวของคอนกรีต ซึ่งสามารถแก้ได้โดยใช้ท่อแอสล่อนเป็นปลอกหุ้มภายนอกอีกชั้นหนึ่ง
3 เสาคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความคงทนถาวรดีมาก แต่ไม่สามารถตอกตะปูหรือเจาะรูน๊อตได้
4 เสาไม้สนขนาดเส้นผ่า ศูนย์กลาง 4 นิ้ว มีอายุใช้งานเพียงประมาณ 1 ปี หรือผ่านเพียง 1 ฤดูฝนเท่านั้น โคนเสาระดับพื้นดินก็จะหักเสาไม้ไผ่ (ไม้ซอ) มีความคงทนกว่าไม้สนเล็กน้อย
5. การใช้เสาคอนกรีตฝังดิน และโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดินเล็กน้อย แต่ต่อด้วยเสาไม้นั้น มักจะเกิดปัญหาโคนเสาบริเวณรอยต่อหัก เมื่อถูกเเรงกระเเทก
รั้วกั้นคอก
1. สามารถทำด้วยวัสดุต่างกันเช่น ไม้เนื้อแข็ง ไม้ไผ่ ไม้สน แป๊ปน้ำ เป็นต้น
2. ไม้สน และไม้ไผ่ มีอายุใช้งานได้ประมาณ 1 ปี หรือผ่าน 1 ฤดูฝนเท่านั้น
3. รั้วกั้นคอกรอบนอก ควรกั้นอย่างน้อย 4 แนว แนวบนสุดสูงจากพื้นดินอย่างน้อย 150 ซ.ม. ส่วนรั้วที่แบ่งคอกย่อยภายใน ควรกั้นอย่างน้อย 3 แนว
4. การกั้นรั้วคอก ควรให้ไม้หรือแป๊ปน้ำที่ใช้กั้นอยู่ด้านในของเสาเพราะเมื่อถูกแรงกระแทกจากโค เสาจะได้ช่วยรับแรงไว้
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/11/4-1.png)
รางอาหาร
1. ควรอยู่ด้านหน้าคอก สูงประมาณ 60 ซ.ม. กว้างประมาณ 80-90 ซ.ม. ก่ออิฐฉาบปุนและขัดมัน ขอบรางด้านนอกเป็นแนวตรงดิ่งไม่เอียงเฉียงออกมา ขอบรางด้านหน้าสูงกว่าด้านหลังประมาณ 10-20 ซ.ม
2. พื้นผิวภายในรางฉาบเรียบโดยด้านล่างของรางทำเป็นแนวโค้งมนไม่มีมุม เจาะรูที่ก้นรางด้านหนึ่งเพื่อให้น้ำระบายออกได้ ท้องรางลาดเทเล็กน้อยไปทางด้านที่มีรูระบายน้ำ
3. รางอาหารที่แคบไป จะมีปญหาเรื่องอาหารตกหล่นขณะที่โคยืนเคี้ยวอาหาร
4. การทำรางอาหารเตี้ยไป ทำให้โคต้องก้มมากในขณะกินอาหาร แต่ถ้าสูงเกินไปจะมีปญหาสำหรับโคขนาดเล็ก
5 โคขุนระยะแรกต้องการรางอาหารยาวประมาณ 50 ซ.ม. ต่อโคขุน 1 ตัว และประมาณ 65 ซ.ม. ในระยะปลาย
อ่างน้ำ
1. อ่างน้ำควรวางอยู่ในจุดต่ำสุดของคอก หรืออาจจะวางอยู่นอกคอกแล้วทำช่อง ให้โคโผล่หัวออกไปดื่มน้ำได้
2. ขนาดของอ่างน้ำสูงประมาณ 60 ซ.ม. กว้าง 80 ซ.ม. ยาว 90 ซ.ม. ก่ออิฐ ฉาบปูนขัดมัน มีรูระบายน้ำด้านล่าง
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/11/12022021-1118038.jpeg)
มุ้งที่ใช้เป็นมุ้งไนล่อนสีฟ้าควรเป็นเบอร์ 16 หน้ากว้าง 2.5 เมตร ราคาม้วนละ 350-400 บาท (ยาว 30 เมตร) จะใช้มุ้งตาถี่กว่านี้ (เบอร์ 20) ก็ได้ แต่ราคาแพงขึ้น และทำให้การระบายอากาศในคอกไม่ดีนัก การเย็บมุ้งให้เข้ากับรูปทรงของคอกสามารถเย็บด้วยมือหรือจ้างร้านเย็บผ้าใบก็เป็นการสะดวกในอัตราค่าแรงคิดเป็นม้วนๆ ละ ประมาณ 40 บาท
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/11/6.png)