Saturday, 27 July 2024

วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ปลูกแค่ 3 เดือนเก็บขาย คุณค่าทางอาหารสูง

“หน่อไม้ฝรั่ง” พืชทางเลือกอีกอย่างหนึ่งของเกษตรกร และกำลังกลายเป็นผักเศรษฐกิจของไทย เพราะปัจจุบันมีปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว จึงทำให้คนไทยหันมาสนใจสุขภาพ และให้ความสำคัญในการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพิ่มมากขึ้น หน่อไม้ฝรั่งเป็นผักที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง เป็นที่สนใจของผู้คนอย่างมาก ชาวไทยจำนวนมากหันมาบริโภคผักชนิดนี้ และในตอนนี้มีแนวโน้มในการส่งออกที่สูงด้วย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี หากเกษตรกรจะหันมาให้ความสนใจ การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

การเพาะเมล็ด ให้เราผสมดินร่วน 1 ส่วน เศษใบไม้ 1 ส่วน ขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วน และปุ๋ยอินทรีย์ 1 ส่วน เข้าด้วยกัน จากนั้นกรอกใส่ถุงเพาะชำ แล้วหยอดเมล็ดตามลงไป เสร็จแล้วจึงนำไปตั้งไว้กลางแจ้งและรดน้ำทุกวัน ประมาณ 3-4 เดือน จึงย้ายลงแปลงปลูก

การเตรียมแปลงปลูก : ขุดพลิกดินให้ดี ย่อยดินให้ละเอียด พร้อมทั้งผสมปุ๋ยและแกลบให้เข้ากัน จากนั้นตากทิ้งไว้ประมาณ 2 เดือน พอครบกำหนดก็ให้พรวนดินซ้ำอีกครั้ง กำจัดวัชพืช แล้วยกร่องขึ้นสูงและเกลี่ยหน้าดินให้เรียบเพื่อเตรียมทำหลุมปลูก

การเตรียมหลุมปลูก : ขุดหลุมลึก 15-25 เซนติเมตร กว้าง 20 เซนติเมตร พร้อมทั้งผสมปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1 ช้อนชา เข้ากับปุ๋ยคอกหรือขี้เถ้าแกลบ 2 กำมือ เพื่อใช้รองก้นหลุม (สามารถผสมฟูราดานเข้าไปเพื่อป้องกันแมลงได้)

การจัดระยะปลูก : หน่อไม้ฝรั่งควรปลูกให้แถวห่างกันประมาณ 1-1.5 เมตร

การเตรียมย้ายกล้าลงปลูกในแปลง :
1 ให้เลือกต้นกล้าที่แข็งแรง สมบูรณ์ และมีรากมาก อายุสักประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นตัดยอดต้นกล้าออกให้ต้นสูงประมาณ 15 เซนติเมตร แล้วแช่โคนและรากลงไปในน้ำเปล่าผสมสารป้องกัน

2 การปลูก : ปลูกหลุมละ 1 ต้น โดยต้องแผ่รากของต้นกล้าให้กระจาย ไม่กระจุก พร้อมทั้งกลบดินหรือโกยดินรอบโคนต้นให้สูงขึ้นมา แล้วกดให้แน่น และรดน้ำให้ชื้น

หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่ชอบดินร่วนปนทราย ต้องการแสงสว่างส่องถึงหน้าดิน ต้องการน้ำสม่ำเสมอ ชอบหน้าดินชื้น ๆ แต่ไม่ชอบดินแฉะ การบำรุงทำได้โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีเป็นครั้งคราว

ต้องมีการกำจัดวัชพืชและโกยดินกลบโคนต้นเป็นประจำ และที่สำคัญหน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่แตกหน่อ แตกก้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้แย่งอาหารกันเองจนแคระแกร็น ควรการตัดแต่งทรงบ่อย ๆ หรือจะพักต้น (การถอนต้นที่มีสภาพไม่ดีทิ้ง เหลือแต่ต้นที่สภาพดีไว้) แทนได้

การให้น้ำ
หน่อไม้ฝรั่งทนแล้งได้พอสมควร แต่ถ้าขาดน้ำหรือให้น้ำไม่สม่ำเสมอมีผลให้ปริมาณผลผลิตลดลงอย่างมาก และคุณภาพหน่อไม้ฝรั่งไม่ดี ควรมีการให้น้ำทุกวัน ทั้งนี้ปริมาณน้ำที่ให้และระยะเวลาที่ให้น้ำขึ้นอยู่กับวิธีการให้น้ำ, สภาพแวดล้อม (ชนิดดิน, อุณหภูมิของอากาศ, ความชื้นในอากาศ)

การให้ปุ๋ย
ช่วงการเจริญเติบโตและพักต้นควรให้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารตัวหน้าสูง (N สูง) ผสมกับปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15, 16-16-16 อัตราการใส่ 25 – 30 กก. ต่อไร่ ใส่ทุก 10 – 15 วัน

ช่วงระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิตจะใส่ปุ๋ยที่มีตัวหน้าและตัวหลังสูง (N, K สูง) เช่นสูตร 21-7-14, 13-7-35, 15-5-20 อัตราการใช้ 25 – 30 กก. ต่อไร่ ใส่ทุก 10 – 15 วัน

การเก็บเกี่ยว
สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อประมาณอายุ 4 เดือน หรือเมื่อหน่อโผล่พ้นเหนือดินขึ้นมาประมาณ 20 เซนติเมตร (ไม่เกิน 27 เซนติเมตร) ซึ่งหลังจากปลูกแรก ๆ ให้เก็บเฉพาะหน่อเขียวก่อน แล้วค่อยเก็บหน่อขาวในช่วงหลังหรือช่วงประมาณ 2-3 ปี เนื่องจากช่วงหลังปลูกใหม่ ๆ หน่อขาวจะยังไม่สมบูรณ์

ส่วนวิธีแยกหน่อเขียวกับหน่อขาว คือ หน่อเขียวจะเป็นหน่ออ่อนแทงขึ้นมาเหนือดินมากกว่า 17 เซนติเมตร ให้เก็บด้วยการขุดดินตรงลงไป แล้วใช้มือดึงเอาหน่อออกมา จากนั้นก็โกยดินกลบ ส่วนหน่อขาวเป็นหน่อที่อยู่ใต้ดิน ฉะนั้นหลักการปลูกจึงควรโกยดินกลบให้สูงตามความยาวที่ต้องการ โดยส่วนมากจะมีความยาวมากกว่า 17 เซนติเมตร

SONY DSC

นอกจากจะปลูกง่ายและดูแลไม่ยากแล้ว ต้องบอกเลยว่าผักมีความกรอบ รสชาติกลมกล่อม และมีสารอาหารซ่อนอยู่เพียบ แถมยังนำไปประกอบอาหารได้ทั้งต้ม ผัด ลวก แถมยังช่วยลดน้ำหนัก ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยบำรุงผิวพรรณ บำรุงครรภ์ บำรุงสมอง และอื่น ๆ อีกมากมาย เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยากรู้เพิ่มเติม ก็ลองตามไปดูกันได้ รับรองต้องหลงรักการกินหน่อไม้ฝรั่งแน่

เรียบเรียงโดย เกษตรก้าวหน้า