คุณสุนันเป็นลูกชาวนาโดยกำเนิด เติบโตมากับการทำเกษตรของครอบครัว แล้วก็เป็นเหมือนลูกชาวนาทั่วไปที่ได้รับการปลูกฝังว่าการทำนาหรือทำเกษตรเป็นอาชีพที่เหนื่อย พ่อกับแม่อยากให้เรียนสูงๆ มีอาชีพที่ดี ไม่ต้องเหนื่อยยากลำบากกายเหมือนท่าน ซึ่งคุณสุนันก็คิดเช่นนั้น พอจบปริญญาตรี จึงไปสมัครเป็นครูที่โรงเรียนเอกชนอยู่หกปี ซึ่งอาชีพครูก็เป็นอาชีพที่รักและต้องทุ่มเทมากๆ แต่วันหนึ่งด้วยอะไรหลายๆ อย่างคุณสุนันรู้สึกว่านั่นไม่ใช่ที่ของตน จึงตัดสินใจลาออกเพื่อจะทำการเกษตร แน่นอนว่ามีเสียงตำหนิและไม่เข้าใจการกระทำของคุณสุนันเข้าหูเยอะมาก แตเขาก็ไม่ปล่อยให้คำเหล่านั้นมีอิทธิพลกับตัวเอง คุณสุนันคิดจะพัฒนาผืนดินของพ่อกับแม่ให้มีรายได้เพิ่มให้จงได้
จากแต่เดิมพ่อกับแม่จะใช้พื้นที่ที่มีทำนาอย่างเดียว เป็นเกษตรเชิงเดี่ยว คุณสุนันจึงคิดถึงเรื่องเกษตรผสมผสานขึ้นมา และเนื่องด้วยพื้นที่เป็นที่ที่มีน้ำขังตลอดปี ก็เห็นว่ากระจับนี่แหละที่สามารถปลูกหมุนวนกับการปลูกข้าวได้ และน่าจะหารายได้จากตรงนี้ได้ เพราะมีต้นพันธุ์อยู่แล้ว จึงเริ่มปลูกขยายไปเรื่อยๆ โดยตอนแรกจะขายให้กับแม่ค้าในท้องถิ่น นำไปต้มขายหรือทำขนมขายเท่านั้น แต่ตอนหลังก็เริ่มขยายตลาดไปสู่แม่ค้านอกท้องถิ่นที่ต้มขายตามข้างทาง มีการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกขึ้นเรื่อยๆ จากการขายแบบปกติ ก็พัฒนาเป็นขายออนไลน์ด้วย ซึ่งตอนนี้ก็มีโรงงานเจ้าประจำมารับซื้อถึงที่ สร้างรายได้เป็นรายได้ประจำมากกว่าพืชหลักอย่างข้าวเสียอีก ยิ่งถ้าสามารถนำไปแปรรูปได้ ก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
ครั้งหนึ่งแปลงปลูกกระจับของคุณสุนันถูกเชื้อรากินจนหมดแปลง คุณสุนันจึงคิดหาวิธีการกำจัดเชื้อราดังกล่าว จึงทำน้ำขี้เถ้าเพื่อจำกัดเชื้อราซึ่งเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของกระจับ ทำให้เชื้อราไม่สามารถทำลายกระจับได้ แล้วยังได้ผลพลอยได้เป็นสารไล่แมลงอีกด้วย
วิธีการทำน้ำขี้เถ้าป้องกันเชื้อราและไล่แมลง ทำได้ดังนี้
ขี้เถ้า เป็นสิ่งที่หลงเหลือจากการเผาถ่าน มีลักษณะเป็นผง ซึ่งจริงๆ แล้วเราสามารถนำขี้เถ้าในส่วนนี้มาใช้ประโยชน์ได้ ไม่จำเป็นต้องเอาไปทิ้งให้เสียของ แถมประโยชน์ของขี้เถ้านั้นดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
ธาตุอาหารที่สำคัญในขี้เถ้า
สารซิลิก้า ในน้ำขี้เถ้ามีสารซิลิก้า เมื่อเรานำไปใช้ฉีดพ่นพืชผักผลไม้ก็จะทำให้สร้างความแข็งแรงให้กับใบพืช จะทำให้เพลี้ยและแมลงไม่ค่อยมารบกวน สำหรับกระจับก็สามารถกำจัดเชื้อราได้อย่างแทบจะหมดจด ส่วนพืชผักผลไม้อื่นที่มีเพลี้ยกินอยู่แล้วก็จะช่วยในการกำจัดเพลี้ยให้ตายลงไปได้ด้วย
ธาตุโพแทสเซียม เป็นธาตุอาหารหลักที่พืชมีความต้องการในปริมาณมาก โดยเกษตรกรส่วนใหญ่จะเติมลงดินให้พืชโดยใช้ปุ๋ยเคมี แต่จริงๆ แล้วธาตุโพแทสเซียมสามารถจัดหามาจากไม้ที่ผ่านการเผาเป็นขี้เถ้า (ไม้ 100% สามารถเผาได้ 99.5% โดย 0.5% ที่เหลือคือแร่ธาตุที่ยังไม่สลายจากการเผา ซึ่งก็คือขี้เถ้านั่นเอง)
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมในการทำน้ำขี้เถ้า
1 ขี้เถ้าถ่าน 1 ถ้วย
2 น้ำสะอาด 3 ลิตร
3 กระป๋องสำหรับผสม
4 ตะแกรงสำหรับกรอง
5 ขวดพลาสติก
ขั้นตอนการทำน้ำหมักขี้เถ้าถ่าน
1นำเถ้าใส่ลงในกระป๋องผสม จากนั้นเทน้ำสะอาดตามลงไป
2คนส่วนผสมทั้งหมดให้ละลายเข้ากันดี
3เมื่อคนไปได้สักพักจะสังเกตุว่าเริ่มมีเศษเถ้าที่ไม่ละลายลอยขึ้นมาให้เราทำการช้อนออก
4เสร็จแล้วให้ทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้ตกตะกอนเหลือเพียงน้ำใสๆ
5เมื่อผ่านไป 1 คืน จะพบว่าน้ำมีความใสขึ้นเนื่องจากตกตะกอนหมดแล้ว เมื่อสัมผัสกับน้ำดูจะพบว่าน้ำมีความลื่นเนื่องจากอุดมไปด้วยสารซิลิกา
6ค่อยๆ ตักน้ำขึ้นมา เพื่อไม่ให้ตะกอนที่นอนอยู่ขุ่นข้น แล้วทำการกรองน้ำอีกรอบโดยการใช้ตาข่ายในการกรอง
7เมื่อกรองน้ำใสดีแล้วให้นำน้ำที่ผ่านการกรองแล้วใส่ลงในขวดพลาสติก แล้วนำไปใช้ได้เลย
อัตราการใช้
น้ำที่ได้จากขี้เถ้าถ่าน 250 ซีซี : น้ำเปล่า 10 ลิตร หรือ น้ำจากขี้เถ้าถ่าน 5 ลิตร : น้ำเปล่า 200 ลิตร สามารถฉีดพ่นได้ทุกวันจนกว่าเพลี้ยแป้งจะหาย ใช้ได้กับพืชทุกชนิด
ควรฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น ในช่วงที่อากาศเย็นๆไม่มีแดดเพื่อป้องกันเชื้อราที่จะเกิดขึ้น
ใช้ได้ในพืชทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นเพลี้ยแป้งในพริก, ถั่วฝักยาว หรือผักอื่นๆ เช่น ฝรั่ง,น้อยหน่า,มะละกอ, มะนาว ก็สามารถทำได้
