Saturday, 27 July 2024

ลาออกจากงานประจำ ปลูกว่านหางจระเข้ ส่งโรงงาน ต้นทุนหลักหมื่น เก็บขายได้หลักแสน มีเท่าไรก็ไม่พอขาย

ว่านหางจระเข้ สมุนไพรชั้นดี สรรพคุณทางยามากมาย ทั้งช่วยรักษาแผล หรือสมานแผล ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนของแผลที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ว่านหางจระเข้ก็ช่วยได้ และนอกจากเป็นสมุนไพรรักษาแผลที่ดีแล้ว ด้วยในปัจจุบันนวัตกรรมที่ก้าวไกล มีผู้คิดค้นวิจัยนำว่านหางจระเข้มาทำเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผิวกาย มากมาย ทำให้ปริมาณความต้องการว่านหางจระเข้มีมากขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้ของเกษตรกรในประเทศไทยเป็นอย่างดี ซึ่งแหล่งปลูกสำคัญอยู่ทางภาคตะวันตกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การปลูกว่านหางจระเข้ส่งโรงงาน ถือเป็นอาชีพสร้างรายได้ดีให้กับเกษตรกรแถวนั้นมานานกว่า 30 ปี และปัจจุบันนี้ได้สืบทอดมาถึงรุ่นลูก ตลาดก็ยังสดใสอยู่

ทำเกษตรต้องทำให้เต็มที่แล้วสิ่งดีๆ จะตามมา ความหมายตรงตัวเลย ก็คือ เราต้องเต็มที่กับสิ่งที่เราทำ จริงๆ คำนี้ใช้ได้กับทุกอาชีพ คุณกิตติศักดิ์เชื่อว่า ถ้าทำเต็มที่แล้ว ความเต็มที่จะตอบแทนเราเอง บางคนอาจจะช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่ผลของความตั้งใจ ความพยายามและความอดทนจะดีเสมอ

แม้ว่าอาชีพปลูกว่านหางจระเข้จะเป็นอาชีพที่คุณกิตติศักดิ์และคุณธนัชญาน์คลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยลงมือทำด้วยตัวเองอย่างจริงจังสักครั้ง จนกระทั่งแต่งงานแล้วกลับมาอยู่ที่บ้าน จึงตัดสินใจยึดเป็นอาชีพหลัก

ซึ่งก็โชคดีที่ไม่ต้องลงทุนซื้อหน่อ เพราะมีอยู่แล้ว ว่านหางจระเข้เองก็มีปัญหาน้อยมาก เป็นพืชที่ทนแล้ง ไม่ต้องการน้ำมาก แต่ถ้าน้ำมากก็ต้องรีบจัดการสูบน้ำทิ้ง นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ก็ยังไม่มีศัตรูพืช ไม่ค่อยมีแมลงรบกวน จะมีบ้างคือพวกหญ้าพวกวัชพืชที่จะสูงจนบังแสงแดด ทำให้เจริญเติบโตได้ไม่ค่อยดี ซึ่งแค่ถอนวัชพืชออกหรือทำให้มันเตียนก็หมดปัญหาแล้ว ดังนั้นเองสิ่งที่คุณกิตติศักดิ์และคุณธนัชญาน์ต้องเร่งทำก็คือเรื่องของการหาตลาดเพิ่มจากเดิมที่มีโรงงานคอยรับซื้อ ซึ่งก็สามารถทำได้และสร้างรายได้ให้ครอบครัวมากขึ้น จากเดิมที่มีรายได้เดือนละ 40,000 บาทก็เพิ่มเป็นเดือนละประมาณ 1 แสนบาท

ก่อนนี้คุณกิตติศักดิ์เคยรับราชการทหาร พอปลดประจำการก็ตั้งใจจะหางานทำตามสาขาที่เรียนมา ส่วนคุณธณัชญาน์ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลในโรงงานแห่งหนึ่ง แต่สี่ปีที่แล้วคุณพ่อคุณกิตติศักดิ์ซึ่งทำไร่ว่านหางจระเข้อยู่ก่อนแล้วไม่มีคนช่วย ทั้งคู่จึงตัดสินใจกลับมาช่วยท่านและรับช่วงดูแลต่อตั้งแต่นั้น

สาเหตุหนึ่งที่ทั้งคู่เลือกที่จะปลูกว่านหางจระเข้ต่อ ทั้งที่สามารถลงพืชเศรษฐกิจอย่างสับปะรดได้เพราะเหมาะกับพื้นที่ ก็เพราะว่านหางจระเข้เป็นพืชที่ปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย แทบไม่ต้องใช้สารเคมี ยิ่งรับช่วงต่อจากคุณพ่อด้วยแล้ว ก็ไม่ต้องลงทุนค่าหน่อ เพราะคัดหน่อจากไร่ของตัวเอง (แต่ถ้าเกษตรกรมือใหม่ คุณกิตติศักดิ์บอกว่ารวมต้นทุนค่าหน่อ ค่าอุปกรณ์ ค่าคนงาน ทุกอย่างแล้วตกไร่ละไม่เกิน 20,000 บาท ยิ่งถ้าทำกันเองเป็นครอบครัวต้นทุนก็จะลดลง และคุ้มมากในระยะยาว)

คุณกิตติศักดิ์กับคุณธนัชญาน์มองว่าตัวเองประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สูงสุด ในอนาคตทั้งคู่ตั้งใจจะขยายช่องทางการตลาดให้มากขึ้น โดยเน้นไปในเรื่องของคุณภาพของว่านหางจระเข้ให้มากกว่าเดิม จะลองทำเกษตรอินทรีย์สำหรับลูกค้าที่สนใจเอาไว้ทานเอง แล้วก็มีกลุ่มโรงงานที่รับประจำก็บอกว่า อยากได้แบบปลอดสารเคมีเพื่อที่จะส่งขายประเทศสิงคโปร์ จึงตั้งใจจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากลองทำการเกษตร คุณกิตติศักดิ์และคุณธนัชญาน์เห็นตรงกันว่า จะต้องศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับพืชที่เราจะทำให้รู้จริง รู้แล้วก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่าหยุดนิ่ง ที่สำคัญ ทุกวันนี้เรื่องของการตลาดนั้นสำคัญมาก ถ้าใครตกงานก็ลองกลับไปอยู่ที่บ้าน ดูพื้นที่ตัวเองว่าสามารถปลูกอะไรได้บ้าง เมื่อรู้แล้วก็ศึกษาหาความรู้ แล้วลงมือทำ ถ้าทำครั้งแรกล้มเหลวก็อย่าเพิ่งท้อ ให้โอกาสตัวเองได้สู้ใหม่ ลองใหม่ เราต้องอดทน อดทนทั้งในเรื่องที่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรกที่ทำ อดทนกับแดดลมฝน ซึ่งก็เล็กน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ที่จะเข้ามา ถ้าเราไปเป็นลูกน้องเขา เราทำมาก ผลประโยชน์จะไปตกอยู่กับนายจ้าง ส่วนเราก็ได้แค่เงินเดือน ทำมากก็ได้เท่าเดิม ไม่เหมือนกับการทำการเกษตร เราทำมาก เราก็ได้มากและได้เต็มๆ ด้วย

การปลูก การจัดการ ว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณทางยามากมาย ทั้งช่วยรักษาแผล หรือสมานแผล ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนของแผลที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นต้น และนอกจากเป็นสมุนไพรรักษาแผลที่ดีแล้ว ปัจจุบันมีผู้คิดค้นวิจัยนำว่านหางจระเข้มาทำเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผิวกายมากมาย ทำให้ปริมาณความต้องการว่านหางจระเข้มีมากขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้ของเกษตรกรที่ปลูกว่านหางได้เป็นอย่างดี ดังเช่นคุณกิตติศักดิ์และคุณธนัชญาน์

ว่านหางจระเข้ปลูกโดยการใช้หน่อ ถ้าหน่อใหญ่ จะให้ผลผลิตเร็วขึ้น
การปลูกนั้นไม่ยาก มีการไถดินสองรอบ รอบแรกไถดะ รอบที่สองไถแปร หากพื้นที่ตรงไหนมีน้ำขังให้ชักร่องปลูกให้น้ำไหลออก เพราะว่านหางจระเข้เป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำ หากพื้นที่ไหนมีน้ำขังรากจะเน่า ควรเว้นระยะห่างระหว่างร่อง 1 เมตร ระหว่างต้น 1 ศอก ถ้าปลูกถี่เกินไปเมื่อต้นโตกาบจะชนกัน ส่งผลทำให้การเจริญเติบไม่ดีเท่าที่ควร และหมั่นทำความสะอาดแปลง กำจัดวัชพืชอย่าให้ขึ้นสูง

ว่านหางจระเข้ เป็นพืชทนแล้ง ไม่ต้องการน้ำมาก 1 สัปดาห์ รดน้ำสัก 1 ครั้ง โดยควรรดช่วงตอนเย็น เพราะอากาศเย็นว่านหางจระเข้จะรับน้ำได้อย่างเต็มที่ หากรดช่วงที่อากาศร้อนจะทำให้ว่านหางจระเข้รากเน่า ระยะเวลาในการรดน้ำ 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง

ในระยะ 1-2 ปีแรกไม่ต้องใส่ปุ๋ย เพราะว่านหางจระเข้จะสมบูรณ์มาก ถ้าใส่ไปอาจทำให้เน่า แนะนำให้เริ่มใส่ปุ๋ยช่วงปีที่ 3 ใส่เพียงปีละครั้ง โดยใส่สูตร 21-0-0 ส่วนแมลงที่เป็นศัตรูพืชก็มีบ้าง แต่ไม่มีผลกับว่านหางจระเข้เลย

การปลูกครั้งแรกต้องรอนาน 8-9 เดือนถึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ และหลังจากนั้นสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้ทุกเดือน โดยสามารถเก็บต้นที่ปลูกไว้ได้นานถึง 10 ปี แต่คุณกิตติศักดิ์กับคุณธนัชญาน์จะเก็บไว้เพียง 5-6 ปีเท่านั้น อันเป็นเทคนิคที่ทำให้กาบว่านหางของทั้งคู่ได้มาตรฐาน สามารถส่งโรงงานได้ตลอดเวลา (ยิ่งเก็บไว้นานกาบจะเล็ก ขายไม่ได้ราคา)

ช่องทางการตลาด สมัยรุ่นพ่อมีนายทุนมาแนะนำให้ปลูกว่านหางจระเข้และรับซื้อ จึงได้ทำการปลูกและส่งนายทุนแบบนั้นเรื่อยมา ต่อมาก็มีโรงงานอื่นมาติดต่อขอซื้อด้วย จาก 1 โรงงานกลายเป็น 5 โรงงาน และเนื่องจากคุณพ่อสร้างมาตรฐานโควต้าส่งโรงงานไว้ดี ผลจึงส่งมาจนถึงทุกวันนี้ มีออเดอร์มาเรื่อยๆ แม้ช่วงที่ว่านหางจระเข้ออกมาเยอะ ก็ไม่เดือดร้อน ไม่มีปัญหาล้นตลาด เพราะรักษามาตรฐานมาตลอด ถ้าช่วงไหนผลผลิตหายาก ทางโรงงานก็จะโทร ให้ช่วยหา คุณกิตติศักดิ์และคุณธนัชญาน์ก็หาส่งให้ จะไม่ปฏิเสธลูกค้า ทุกโรงงานจึงคัดให้ทั้งคู่อยู่ในผู้ส่งชั้นดี เมื่อมีโควต้ามา ทางโรงงานก็จะกันไว้ให้ทั้งคู่เป็นอันดับต้นๆ

ต่อมา คุณธนัชญาน์ ได้คิดหาช่องทางการตลาดเพิ่ม ด้วยเหตุผลที่ว่าลองหาตลาดเพื่อจะได้เงินเป็นรายสัปดาห์มาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนรายได้ที่ส่งโรงงานก็ถือเป็นเงินเก็บ จึงเปิดรับออเดอร์ทางเฟซบุ๊กและไลน์ ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดีมาก มีลูกค้าเข้ามาทุกสัปดาห์ มีเจ้าประจำหลายราย โดยขายเป็นกาบสด ตัดไม่ให้เข้าเนื้อ แล้วนำมาเช็ดทำความสะอาด และนอกเหนือจากการขายกาบสด ก็ยังมีการแปรรูปขายสร้างมูลค่า โดยการนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกเป็นเนื้อใสๆ แล้วนำมาทำความสะอาด ล้างเมือกด้วยน้ำเปล่า 6 ครั้ง ถือว่ามีรายได้ที่คุ้มมาก นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายหน่อด้วย เบ็ดเสร็จแล้ว ทั้งคู่มีรายได้จากการปลูกว่านหางจระเข้ขายเดือนละประมาณหนึ่งแสนบาท
สำหรับท่านที่สนใจ สอบถามข้อมูล หรือปรึกษาการตลาด สามารถติดต่อ คุณธนัชญาน์ มีสวัสดิ์ หรือคุณจูน ได้ที่เบอร์โทร. (088) 452-9963

ที่มาFacebook : ว่านหางจระเข้ AIoevera บ่อนอก
เรียบเรียงโดย ธรรมเกษตรก้าวหน้า