Saturday, 27 July 2024

“มะขามเปรี้ยวยักษ์” ปลูกง่าย ทนแล้งได้ดี อายุยืน….

ก า ร ป ลู ก แ ล ะ ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า ม ะ ข า ม เ ป รี้ ย ว ยั ก ษ์

มะขามเปรี้ยวยักษ์ ขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิด แต่สภาพดินที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย ที่มีการระบายน้ำดี นอกจากนั้นยังเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี สามารถขึ้นได้ในที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ระยะปลูกที่เหมาะสม คือ 8×8 เมตร จะได้จำนวน 25 ต้น ต่อไร่ หรือห่างกว่านี้เป็น 10×10 เมตร ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรเองว่ามีมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากมะขามเป็นพืชอายุยืน ชอบแดด ถ้าปลูกชิดทรงพุ่มมีร่มเงาบังแดดกัน ก็จะไม่ออกดอก

หรือออกดอกได้ไม่ดี ขุดหลุมปลูก ขนาด 30x30x30 เซนติเมตร ดินที่ขุดจากหลุมปลูกให้แยกเป็นสองกอง คือดินชั้นบนและดินชั้นล่าง แล้วผสมดินทั้งสองกองด้วยปุ๋ยคอกเก่า ประมาณ 1-2 บุ้งกี๋ ต่อหลุม จากนั้นจึงกลบดินลงไปในหลุมตามเดิม โดยเอาดินชั้นบนลงไว้ก้นหลุมก่อน แล้วจึงกลบทับด้วยดินชั้นล่าง ก็จะได้หลุมปลูกเป็นแบบหลังเต่า

หลังปลูกควรผูกต้นติดกับไม้หลักเพื่อป้องกันลมโยกในระยะแรก หากปลูกในหน้าฝนก็อาศัยฝนจากธรรมชาติเป็นหลัก แต่หากปลูกในช่วงเวลาอื่น ควรรดน้ำ 1-2 วัน ต่อครั้ง จนกว่าต้นจะตั้งตัวได้ จึงเว้นช่วงห่างประมาณ 3 หรือ 7 วัน ต่อครั้ง เมื่อต้นมะขามมีอายุ 1-3 ปี ควรใส่ปุ๋ยเคมี สูตรเสมอ เช่น 16-16-16 อัตรา 500 กรัม ต่อต้น (ประมาณ 1 กระป๋องนม) โดยให้แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ในรอบ 1 ปี และเมื่อมะขามเริ่มออกดอกให้ผลผลิต ใส่ปุ๋ย 16-16-16 จะช่วยให้มีการติดผลมากขึ้น

การตัดแต่งกิ่งมะขามเปรี้ยวจะตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตในส่วนที่ต้องการ เป็นการพัฒนาต้นพืชให้มีโครงสร้างที่แข็งแรง ได้รูปทรงที่พึงประสงค์ ทำให้การให้ดอกออกผลดีขึ้นในปีต่อไป

ดังนั้น การทำสวนผลไม้ให้ติดผลดกและมีคุณภาพดี นอกจากการดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดศัตรูพืชแล้ว ยังต้องมีการตัดแต่งกิ่ง หากไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ปล่อยให้พืชเจริญเติบโตตามธรรมชาติในช่วงแรกๆ ที่ต้นไม้อายุยังน้อย อาจยังไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อต้นไม้มีอายุมากขึ้น ปัญหาต่างๆ จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับคนเมื่อมีอายุมากขึ้น จะเกิดปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ ตามมา

ต้นไม้ที่มีอายุมากขึ้น ลำต้นก็จะมีขนาดสูงใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ตามอายุ กิ่งแน่นทึบเกะกะ มีกิ่งเล็กกิ่งน้อย กิ่งแก่กิ่งแห้งตาย เพราะแสงแดดส่องเข้าไปในทรงพุ่มไม่ทั่วถึง คือกิ่งได้รับแสงไม่เพียงพอการติดผลจะน้อย ติดเฉพาะรอบๆ ทรงพุ่ม ผลเล็ก แคระแกร็น คุณภาพต่ำ มะขามก็เช่นเดียวกัน ต้นที่ไม่มีการตัดแต่งกิ่ง ฝักจะเล็กลีบแห้ง ไม่สมบูรณ์ มีรสอมเปรี้ยว มะขามพันธุ์ประกายทองจะเกิดเชื้อรามาก

เพราะความชื้นในทรงพุ่มสูง แสงแดดไม่สามารถส่องเข้าไปทั่วถึง น้ำค้างแห้งช้า การถ่ายเทของอากาศเกิดขึ้นไม่ดี มะขามที่ไม่ตัดแต่งกิ่งมักมีปัญหาการติดฝักรุ่น 2 เพราะดอกรุ่นแรกไม่ติด เนื่องจากมีฝักมะขามรุ่นแรกติดอยู่ ทำให้การออกฝักน้อย แล้วก็มีการติดฝักรุ่น 2 อีก หากไม่มีการตัดแต่งกิ่งและตัดฝักเก่าทิ้ง ปัญหานี้จะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ดังนั้น การปลูกมะขามเพื่อการค้าจำเป็นต้องใช้วิธีการต่างๆ ควบคุมขนาดและรูปร่างของต้นให้เป็นไปตามที่ต้องการ

สำหรับฤดูปลูก ควรจะปลูกต้นฤดูฝน เนื่องจากพื้นที่เขตนี้เป็นพื้นที่เขาไม่มีระบบน้ำ เพราะเมื่อปลูกเสร็จแล้วต้นมะขามที่ยังเล็กอยู่จะได้รับน้ำฝน สามารถตั้งตัวได้ดีก่อนจะเข้าถึงฤดูแล้ง ต้นมะขามที่ปลูกใหม่ควรจะผูกยึดกับหลัก เพื่อให้ต้นมะขามขึ้นตรงไม่โค่นล้ม เนื่องจากลมแรง

ก่อนปลูกหากปลูกด้วยกิ่งทาบจำเป็นต้องแกะเอาเชือกฟางหรือพลาสติกตรงรอยต่อออก เพราะถ้าไม่ได้แกะออก จะทำให้ต้นมะขามแคระแกร็นหรืออาจจะตายได้ ในช่วงแรกของการปลูก เนื่องจากการปลูกมะขามหวาน ใช้ระยะห่าง 8×8 เมตร ขณะที่มะขามหวานยังเล็กอยู่ อาจจะปลูกพืชอื่นแซมระหว่างแถวได้ เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง สับปะรด หรือพริก อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ต่อเนื้อที่ให้มากขึ้น