หวัง โหย่ง ฉิ้ง เศรษฐีอันดับหนึ่งของไต้หวัน ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือมากนัก เพราะฐานะที่บ้านไม่อำนวย ออกมาหางานทำในเมืองตั้งแต่อายุยังน้อยพออายุ 16 จึงริเริ่มคิดอยากเปิดร้านขายข้าวสาร แต่เพราะเงินทุนมีน้อยแค่สองร้อยเหรียญ จึงมีปัญญาไปเช่าหน้าร้านอยู่ในซอยเล็กๆซอยหนึ่ง ร้านเปิดใหม่ พื้นที่เล็ก ทำเลก็แย่ ไม่มีใครรู้จัก ขายไม่ได้เลย
ร้านขายข้าวสารมีอยู่เยอะแยะมากมายเต็มบ้านเต็มเมืองในเขตเจียอี้ ใครๆก็มีฐานลูกค้าประจำไว้คอยอุดหนุน มีอยู่ทางเดียวที่น่าเสี่ยงดู นายหวังเล่นแบกข้าวสารไปเร่ขายทีละถุงตามบ้าน ถึงจะพอขายได้บ้าง แต่ก็ต้องกินทั้งแรงทั้งเวลา เพราะน้อยคนที่คิดจะซื้อข้าวสารจากคนแปลกหน้า แล้วจะทำการตลาดอย่างไรดี สุดท้าย นายหวังตัดสินใจเล็งไปที่รายละเอียดของข้าวสารทุกเม็ด
ไต้หวันในยุคต้นศตวรรษที่ 20 ยังอยู่ในยุคล้าหลัง ข้าวสารที่สีออกมาจากเครื่องจักรแบบพื้นๆที่ไม่ได้มาตรฐาน จะมีเม็ดกรวด หรือข้าวเปลือกที่ยังไม่ทันได้สีปะปนอยู่ แม่บ้านต้องนำข้าวสารไปซาวน้ำหลายๆเที่ยวกว่าจะนำไปหุงได้ เป็นเรื่องที่ก่อความยุ่งยากและเสียเวลาแก่แม่บ้านทั้งหลาย นายหวังเห็นช่องทางตรงนี้ เขากับน้องชายสองคนจึงเริ่มลงมือคัดสรรข้าวสาร ค่อยๆแยกเอาก้อนกรวด ข้าวเปลือก หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆออกมาให้หมด เสร็จแล้วค่อยนำออกขาย ไม่นานเกินรอ ปากต่อปาก ลูกค้าทั้งหลายชมว่าข้าวสารร้านนี้คุณภาพดี สะอาดสะอ้าน ไม่ต้องเสียเวลาซาวข้าวหลายๆเที่ยวเหมือนของร้านอื่น ในช่วงเวลาอันสั้น ข้าวสารร้านนี้ขายดิบขายดีขึ้นมาทันตาเห็น
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/11/217b69ca0b1108ed236292788111aedc.jpg)
นายหวังยังไม่ยอมหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้ เขาแน่ใจว่าเขายังสามารถให้บริการที่ดีกว่านี้แก่ลูกค้าได้อีก ในเวลานั้น ลูกค้ามักจะต้องมาซื้อข้าวสารถึงร้าน แล้วต้องแบกกลับบ้านเอง เขาจึงเสนอบริการส่งข้าวสารถึงบ้านลูกค้าฟรี แน่นอน มันเป็นการถูกใจลูกค้าทุกๆคน ไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ข้าวสารไม่ได้ถูกส่งถึงแค่หน้าบ้าน เขายังอาสานำเอาข้าวสารไปเทใส่โอ่งข้าวสารให้ หากในโอ่งยังมีข้าวสารเก่าเหลืออยู่ เขาจะเทของเก่าออกก่อน เช็ดโอ่งให้สะอาด แล้วค่อยเทข้าวใหม่ลงไป สุดท้ายข้าวเก่าจึงถูกเททับไว้ข้างบน รายละเอียดที่ใส่ใจเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้า
ถ้าหากเป็นลูกค้ารายใหม่ นายหวังจะจดรายละเอียดของลูกค้าให้ครบถ้วน ขนาดความจุของโอ่งข้าวสาร ที่บ้านมีสมาชิกกี่คน แยกเป็นผู้ใหญ่และเด็ก เพื่อคำนวนว่าจะสั่งข้าวสารรอบต่อไปประมาณเมื่อไหร่ เมื่อถึงเวลาอันใกล้ ไม่ต้องรอให้ลูกค้ามาสั่งถึงร้าน เขาจะแบกข้าวสารไปถึงบ้านลูกค้าก่อน ไม่ต้องรอให้ลูกค้าต้องมาวุ่นวายใจ
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/11/e56f6c55aa5fb45d658dee40ddc33c48.jpg)
ความละเอียดละออ ความใส่ใจในบริการ ทำให้ทุกคนรู้จักร้านขายข้าวสารของเขา แม้ร้านเขาจะเป็นร้านเล็กๆที่อยู่ในตรอกในซอย แต่ชื่อเสียงของเขาเริ่มโด่งดังขึ้นทุกวัน เวลาผ่านไปแค่ปีกว่าๆ เมื่อเขาแน่ใจว่ามีลูกค้าประจำสะสมอยู่ในมือมากพอควร เงินทุนหมุนเวียนเริ่มไม่มีปัญหา เขาเตรียมการตั้งโรงสีเล็กๆของเขาเองขึ้นมา เขาไปเช่าตึกใหญ่ทำเลดีริมถนน หน้าร้านขายข้าวสาร หลังร้านเปิดโรงสีข้าวเพื่อป้อนให้ที่ร้าน
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/11/13-9.jpg)
จากจุดเล็กๆจุดนี้ ปีแล้วปีเล่า เขาไม่เคยหยุดนิ่ง เขายังขยายธุรกิจของเขาต่อไปเรื่อยๆหลายแขนง ทุกอย่างทำด้วยความตั้งใจและจริงใจ สุดท้าย เขากลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของไต้หวันอย่างน่าภาคภูมิใจ
นายหวัง โหย่ง ฉิ้ง 1917-2008 ศิริอายุรวม 91 ปี มีทรัพย์สมบัติไม่ต่ำกว่าสองหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (สำรวจในปี 2004) เป็นนักธุรกิจหลายสาขาอาชีพ อุทิศเงินช่วยเหลือการกุศลไว้มากมาย เขาไปใช้ชีวิตยามชราและจบชีวิตอย่างสงบที่สหรัฐอเมริกา
![](https://readykids.info/wp-content/uploads/2021/11/e56f6c55aa5fb45d658dee40ddc33c48-1.jpg)
ความสำเร็จนั้น คงไม่จำเป็นต้องริเริ่มธุรกิจแบบอลังการเสมอไป แม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก แต่ถ้าทำด้วยความตั้งใจ มุมานะ มีวิสัยทัศน์ และบริหารจัดการให้ดี แม้กระทั่งกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆกับข้าวสารเม็ดเล็กๆทุกๆเม็ด สุดท้ายก็สามารถประสบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน “ปริมาณของ “ความสุข” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของ “สิ่งดีๆ” ที่เราได้รับ แต่อยู่ที่ “มุมมอง” ของเราที่มีต่อ “สิ่งเหล่านั้น”
Cr.“ขจรศักดิ์”แปลและเรียบเรียง Via : Ramet Tanawangsri