Saturday, 27 July 2024

บ้านไหนมีอย่ามองข้าม อย่าถ อ น ทิ้ง สรรพคุณและประโยชน์มากกว่าที่คิด

เชื่อว่า…หลายๆ คนคงจะยังไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อของ “ผักกะสัง” โดยผักชนิดนี้จะมีลักษณะลำต้นและใบสีเขียวอวบน้ำ ใบมีลักษณะเป็นรูปหัวใจรีๆ ปลๅยใบแหลมออกช่อเป็นสีเขียวอ่อนหรือสี ค รี ม ซึ่งเวลามันเกิด หลายคนก็มักจะถอนทิ้งเป็นประจำเพราะคิดว่ามันเป็นแค่ วั ช พื ช แต่ที่จริงแล้วผักกะสังนั้น เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาช่วย รั ก ษ า ได้หลาย โ ร ค เลยทีเดียว จะมีประโยชน์อะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย….

สรรพคุณและประโยชน์ของผักกระสัง
1. ช่วยในเรื่องของการบรรเทาอาการ ป ว ด ท้ อ งได้

2. ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโร ค หัว ใจ ข า ดโล หิ ต ได้
3. ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์ร้ า ย ได้

4. ช่วยลดอาการ ป ว ด ศี ร ษ ะได้
5. เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูงมาก จึงช่วยในเรื่องของการภูมิต้านทานต่อ โ ร ค ต่างๆ ได้
6. นำต้นกระสังมาผสมกับข้าวสาวและขมิ้น บดให้ละเอียดจากนั้นนำไปพอกสำหรับคนที่มี เ ริ ม จะสามารถช่วยให้บรรเทาได้เป็นอย่างดี

7. ทั้งต้นและใบเมื่อนำมาาแช่น้ำ แล้วนำมาทาหรืออาบสามรถช่วยแก้อาการ ผื่ น คันได้
8. ช่วยรัก ษ า แ ผ ล ฝี โดยการนำใบมาคั้นเอาน้ำแล้วใช้ทา
9. ในบางประเทศเชื่อว่าการรับประทานใบจะสามารถจัดการ ต้ อ ใ น ต าได้

การรับประทานผักกระสังให้ได้ผล สูตรที่ 1
-นำผักกะสังมารับประทานสดๆ โดยการล้างน้ำเปล่าให้สะอาด สามารถรับประทานได้ทุกวัน
-แต่รับประทานในปริมาณที่ไม่มากเกินไป จะช่วยบรรเทาอาการในเรื่องของการ ป ว ด ตามข้อ
หรือคนที่เป็นเ ก๊ า ท์ ได้ แต่ในระหว่างที่รับประทาน ต้องงดของกินที่แสลงควบคู่กันไปจะได้ผลดีที่สุด
-อาหารแสลง ได้แก่ อาหารประเภทสัตว์ปีก อาหารทะเลบางชนิด อย่างเช่นปลาซาดีน ปลาอินทรีย์
-กุ้ง หอยเ ช ล ล์ ไข่ปลา กระปิ ซุป ก้ อ น เห็ด ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง และยอดผักอ่อน
-บางประเภทเช่น ส ะ เ ด า ยอดมะพร้าวอ่อน ยอดกระถิน เป็นต้น

สูตรที่ 2
-นำผักกระสังไปล้างน้ำให้สะอๅดประมๅณ 1 กำมือ จากนั้นนำไปต้มในน้ำเ ดื อ ด 2 แก้ว ต้มจน
-ปริมาณน้ำเหลือประมาณ 1 แก้ว ดื่มเช้า–เย็น โดยแบ่งดื่มครั้งละครึ่งแก้ว สามารถดื่มก่อน
หรือหลังอาหารก็ได้ตามความสะดวก
-ทรๅบส ร ร พ คุ ณที่หลากหลายของผักกะสังกันแล้ว ก็อย่าลืมไปไปสังเ ก ตุ ดูหน้าบ้าน
หลังบ้านกันนะ ถ้ามีก็อย่าเพิ่งถอนทิ้ ง กันละ เก็บเอาไว้ใช้ประโยชน์ ตามที่ได้บอกสูตรไปแล้วด้านบนดู…

ขอขอบคุณเจ้าของบทความและที่มา : B i t c o r e t e c h