Saturday, 27 July 2024

บริจาคท รั พ ย์ ให้โรงพยาบาล เป็นทานของพระโพธิสัตว์ บุญกุศลยิ่งใหญ่ เห็นผลได้ในชาตินี้

ท่ามกลางการจัดระเบียบพระที่ถูกมองว่าเป็นการเร่งแก้ปมวิกฤตสงฆ์ การโฆษณาและจำหน่ายพระเครื่อง ของขลัง อวดอ้างสรรพคุณพระเกจิ วัตถุมงคล รูปเหมือน และเทวรูป รวมถึงการเรี่ยไรเงินในงานประเพณีบางแห่ง กลายเป็นข้อห้าม หลายฝ่ายพอใจที่ชาวพุทธจะได้ดำเนินในทางธรรมโดยไม่เน้นการสะสมวัตถุ ในขณะที่อีกหลายฝ่ายก็แอบกังวลใจในการปรับเปลี่ยนวิถีบางอย่างซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการสั่งสมบุญของคนไทย

พระเทพปฏิภาณวาที หรือ “เจ้าคุณพิพิธ” แห่งวัดสุทัศนเทพวราราม อารามหลวงกลางพระนคร ชี้ช่องสร้างกุศลยิ่งใหญ่ที่ไม่เพียงเป็นอานิสงส์สืบไปในชาติภพหน้าตามความเชื่อในพุทธศาสนา หากแต่เป็นการสร้างประโยชน์ให้จิตใจเปี่ยมสุขทันที ส่งผลต่อผู้คนในชาตินี้ ทั้งผู้ให้และผู้รับ นั่นคือ การบริจาคทรัพย์ให้โรงพยาบาล

“ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ถึงตาย แม้กระทั่งรอดตาย ก็วนเวียนอยู่ในโรงพยาบาล แต่แปลกที่คนไทยไม่ค่อยได้นึกถึงแพทย์ พยาบาล ตอนป่วยเข้าก็ไปหาหมอที่ดีที่สุด บุคลากรทางการแพทย์ทำงานกันหนักมาก พอหายแล้ว กลับคิดว่ารอดเพราะบุญ เพราะบนบานศาลกล่าว เลยไปปล่อยนก ปล่อยปลา สร้างซุ้มประตูวัด แทนที่จะกลับไปตอบแทนโรงพยาบาล ทั้งที่จริงๆ แล้วหากทำบุญไหว้พระอย่างเดียวแล้วหายป่วย ทั่วประเทศก็ไม่ต้องมีหมอ ขนาดพระป่วย ยังต้องหาหมอ”

เจ้าคุณพิพิธยังกล่าวอีกว่า พระสงฆ์ซึ่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหายดี แต่มีน้อยรูปที่จะกลับมานึกถึงโรงพยาบาล เพราะฉะนั้น มองว่าพระสงฆ์ระดับตั้งแต่เจ้าคณะจังหวัดลงไปที่เคยได้รับการรักษาและรู้ตัวเองว่าวันหนึ่งก็ต้องอาพาธ ควรบริจาคให้โรงพยาบาลด้วยตนเอง รวมถึงชวนญาติโยมเป็นกุศล พุทธศาสนิกชนเองก็ขอให้ตั้งเกณฑ์รายจ่ายว่าใน 1 ปี จะหยอดกระปุกเก็บเงินเก็บทองไว้บริจาค

อยากให้พระคุณเจ้าที่มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะๆ ชักชวนญาติโยมให้บริจาค ให้ทำบุญในแนวทางนี้ด้วย”ศูนย์รังสีวินิจฉัยเมื่อแล้วเสร็จจะมีห้องเอกซเรย์ระบบดิจิทัล ห้องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบถ่ายภาพต่อเนื่อง และห้องตรวจอวัยวะสนามแม่เหล็กกำลังสูงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยช่วยให้การวินิจฉัย บำบัด รักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถร่วมบริจาคได้ที่ “ศิริราชมูลนิธิ”และอีกหลายช่องทาง อานิสงส์ยิ่งใหญ่เทียบ ‘ปัญจมหาบริจาค’หนึ่งคำถามที่พุทธมามกะคงอยากรู้ ว่าอานิสงส์ของการทำบุญกับโรงพยาบาลจะยิ่งใหญ่อลังการทัดเทียมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญหรือไม่ พูดง่ายๆ ว่าบริจาคแล้วจะ ‘ได้บุญ’ มากน้อยแค่ไหน?

การบริจาคให้โรงพยาบาลเป็นการสร้างประโยชน์มหาศาลต่อมนุษยชาติโดยไม่เลือกหน้า ไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา นับเป็นทาน เป็นอานิสงส์ของพระโพธิสัตว์เจ้า ดังเช่นเจ้าแม่กวนอิมที่ทรงช่วยเหลือผู้คน พระพุทธเจ้าครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร บุญใหญ่จริงๆ ถ้าเป็นทานบารมี มี 5 ประการ ได้แก่ 1.ทานบริจาค คือการบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือคนขาดแคลน 2.บริจาคอวัยวะ 3.บริจาคชีวิต แม้แต่พวกป่อเต็กตึ๊ง ผจญเพลิง ลงน้ำ ตัวเองเป็นตายไม่รู้ แต่ชีวิตที่ตัวเองช่วยนั้นรอด ก็ถือว่าได้ทำทานยิ่งใหญ่นี้ 4.บริจาคลูกเป็นทาน 5.บริจาคภรรยาเป็นทาน ทั้ง 5 ประการนี้ คือปัญจมหาบริจาค เป็นทานของโพธิสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติ ศาสนาใดก็ตาม ถ้าทำอย่างนี้ นี่คือโพธิสัตว์”

บัตรดรรชนีซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนกจัดทำเป็นหมวดหมู่เพื่อประโยชน์การค้นคว้าทางการแพทย์
เจ้าคุณพิพิธอธิบายเพิ่มเติมว่า เงินเป็นทรัพย์ เมื่อบริจาคเงินก็คือทานบริจาค ส่วนการบริจาคอวัยวะ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ โดยปัจจุบันโรงพยาบาลต่างๆ เปิดรับบริจาคอวัยวะ รวมถึงร่างกายหลังเสียชีวิตเพื่อการศึกษา หรือแม้แต่การ บริจาคเลือด ก็เข้าข่าย โดยมองว่าเป็นอวัยวะที่ละเอียดที่สุด ทำเลียนแบบไม่ได้ เลือดคือชีวิต ส่วนการบริจาคลูกและภรรยานั้น เมื่อเรามีส่วนในการช่วยเหลือโรงพยาบาล ภรรยาและลูกผู้อื่นเดินทางมารักษาแล้วหายป่วยเท่ากับการคืนภรรยาให้สามี คืนลูกให้พ่อแม่ ก็เป็นบุญเช่นกัน

มีโยมรายหนึ่ง รู้จักกัน เป็นคนในตระกูลเก่าแก่ มาสวดมนต์ไหว้พระ แกจะหยอดแค่ตู้ ไม่ได้ทำบุญกับวัดคราวละมากๆ แต่บริจาคให้โรงพยาบาลทีละ 2-3 ล้าน อายุยืนทั้งตระกูล วัย 90 แล้ว ยังเดินขึ้นวิหารปร๋อ เมื่อบริจาคแล้วทำให้ได้อานิสงส์ ตนเองและลูกหลานสุขภาพแข็งแรง นอกจากอานิสงส์ ซึ่งอาจมองไม่เห็นในปัจจุบัน แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นนั้น มองเห็นทันที” ถามว่า หากสนใจช่วยเหลือโรงพยาบาล ควรบริจาคที่ไหน และอย่างไร? เจ้าคุณพิพิธตอบว่า ที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลที่ตนเองเพิ่งเข้ารับการรักษาจนหายดี รวมถึงคุณแม่แรกคลอด ก็อยากให้นึกถึงโรงพยาบาล

สำหรับความคืบหน้าในขณะนี้ มีเงินแล้ว 3,200 ล้านบาท สามารถสร้างอาคารได้ โดยคาดว่าจะเปิดบริการได้ 8 ชั้นก่อน ในเดือนสิงหาคม 2561 และจะแล้วเสร็จทั้งหมดราวเดือนมีนาคม-เมษายน 2562 ทางศิริราชจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมสมทบทุนชวนบริจาคซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยประชาชนสามารถบริจาคเป็นเงินหรือครุภัณฑ์ก็ได้

เจ้าคุณพิพิธคือหนึ่งในผู้บริจาค ซึ่งอยากเชิญชวนญาติโยมให้ร่วมกันบริจาค โดยนอกจากได้ช่วยเหลือผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นการจารึกในใจตนเองว่าได้ทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมถึงร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9 ผู้อุทิศทั้งพระราชทรัพย์และพระวรกายเพื่อการแพทย์ โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมาคือ วันมหิดลที่ระลึกงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ที่มานาม”ศิริราช”ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้เร่งก่อสร้างด้วยทรงตระหนักถึงภัยโรคร้ายที่คุกคามไม่เว้นแต่พระราชโอรส

เรามีโรงพยาบาลศิริราชที่ทันสมัย ล้ำหน้าในโลกด้วยฝีมือของแพทย์ อยากให้คนไทยนึกถึงอุปการะคุณของโรงพยาบาล และที่สำคัญคือพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9 ผู้มีพระราชกรณียกิจมากมายทางด้านการแพทย์ ทรงลาออกจากกองทัพเรือแล้วศึกษาวิชาการสาธารณสุขและการแพทย์ พระราชทานทุนเพื่อการศึกษาค้นคว้า พระราชทานทรัพย์สร้างอาคาร และขยายพื้นที่โรงพยาบาลศิริราช ปรับปรุงการศึกษาแพทย์ พยาบาล ทรงมีส่วนร่วมในการพิจารณาพระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ.2566 ทรงเห็นความเจ็บป่วยซึ่งเป็นความเจ็บปวด การพลัดพรากจากจร การตายจากเป็นความเจ็บปวดของผู้ยังมีชีวิตอยู่”

เจ้าคุณพิพิธย้ำว่า ไม่ใช่แค่ที่ศิริราช แต่สามารถบริจาคให้โรงพยาบาลใดก็ได้ เพื่อให้โรงพยาบาลทุกแห่งในไทยก้าวหน้า โดยเฉพาะโรงพยาบาลเล็กๆ ผู้มีอันจะกินที่เคยทำบุญกับวัดคราวละมากๆ สามารถสร้างกุศลอีกทางด้วยการดูแลโรงพยาบาลเหล่านี้ เมื่อมีเครื่องมือแพทย์พร้อม และทันสมัย ชีวิตคนก็อยู่ได้ ผู้บริจาคก็ภาคภูมิใจ