Saturday, 27 July 2024

จบ ป.โทมาปลูกฟักทองบัตเตอร์นัท เนื้อที่เพียง 1 ไร่ 3 เดือนเก็บขายได้เป็นหลักแสน

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่น่ารัก ได้มาพบเจอกันอีกแลัว ก่อนอื่นแอดมินและทีมงานเพจธรรมะเกษตรก้าวหน้า ก็ขอขอบคุณที่ท่านผู้อ่านยังคงติดตามผลงานของเรามาตลอด เราจะคอยสรรหานำเสนอเรื่องราวดีๆ และมีประโยชน์แก่แฟนเพจทุกท่าน ให้ท่านได้อ่านเรื่องราวดีตลอด เชื่อว่าหลายๆ คนไม่เคยเห็น และไม่เคยกินมาก่อน ปริญญาชีวิตเกิดมาก็พึ่งเคยเห็นในข่าวนี้แหล่ะคะ ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักด้วยซ้ำ มีคนบอกเอาไว้ว่า บัตเตอร์นัท เป็นผลไม้กลุ่มสควอช รูปทรงคล้ายน้ำเต้า เป็นฟักทองเทศที่เติบโตเป็นเถา รสชาติหวาน มัน มีสีเหลืองอ่อนและส้ม แกนเมล็ดอยู่ด้านล่างของผล เมื่อผ่าออกมาแล้ว จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มเข้มขึ้นและจะมีรสหวานขึ้น

คุณทาริกา หรือคุณนิ เป็นคนจังหวัดเชียงราย เกษตรกรสาวดีกรีป.โท จุดเริ่มต้น เกิดจากงานประจำก่อนหน้านี้ เมื่อเรียนจบได้เข้าทำงานที่ต้องข้องเกี่ยวกับ ส า ร กั ม มั น ต ภ า พ รั ง สี ค่อนข้างเยอะ ทำได้ระยะหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอาการป่วยเรื้อรัง จึงตัดสินใจลาออกจากงานกลับมารักษาตัวที่บ้านเป็นปีเริ่มจากการปลูกสตรอเบอรี่ เมล่อน และคิดจะปลูกฟักทองบัตเตอร์นัทเป็นพืชเสริม เมื่อปลูกไปสักระยะเริ่มเห็นข้อดีของบัตเตอร์นัท คือมีความทนต่อสภาพอากาศได้ดีกว่าเมล่อนและมี วิ ธี การปลูกคล้ายกับเมล่อน จึงทำให้คิดที่จะปลูกอย่างจริงจัง ซึ่งภายหลังกลายเป็นพืชสร้างรายได้หลัก เพราะสามารถปลูกได้ทุกฤดู ขั้ น ต อ น การปลูกไม่ยุ่ง ย า ก

เริ่มจากการปรับปรุงดินการเตรียมดิน…เตรียมดินตากไว้ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นปรับสภาพดินด้วยการใส่ปูนขาว พร้อมใส่ปุ๋ ย หมัก ขี้ไก่ ตีพรวนดินให้ละเอียดขึ้น และยกแปลงตามที่เราต้องการปลูกในดินหลักๆ ปุ๋ ย ที่ใช้คือ เป็นขี้ไก่อัดแท่ง เพราะขี้ไก่จะผ่านกระบวนการหมักของโรงงานมาแล้ว อาจจะเป็นดูดมาจากบ่อหมักแก๊ส ระยะห่างระหว่างต้น 3O เซนติเมตร ระหว่างแถว 1.2O เมตร ปลูกเป็นแถวเดี่ยวยกร่อง มีการปูพลาสติกคลุมดิน และวางระบบน้ำหยด

ปุ๋ ย …ให้ปุ๋ ย เคมีละลายน้ำ เมื่อลงปลูกได้ 1 สัปดาห์ ต้นจะเริ่มโต ระหว่างนี้ไม่ต้องทำอะไรกับต้นมาก ให้หันมาเตรียมปักค้าง การปักเว้นระยะ 3-4 ต้น ปักไม้ 1 ท่อน ไม้ที่ปักเป็นไม้ไผ่ ย า วประมาณ 1.5O เมตร แล้วขึงเชือกขวางเพื่อให้ต้นเลื้อยขึ้นไปตามเชือกระบบน้ำ… เป็นระบบน้ำหยดตอนต้นเล็กๆ ให้น้ำวันละครั้ง เมื่อโตขึ้นให้เพิ่มความถี่ เป็นวันละ 2-3 ครั้ง ปุ๋ ย ใส่แบบการคำนวณต่อต้น พื้นที่ 1 ไร่ แบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นที่ 1 ปลูกประมาณ 2,OOO-2,5OO ต้น ในช่วงแรกจะให้ปุ๋ ย 1 กรัม ต่อต้น ต่อวัน เมื่อต้นโตขึ้นจะมีการปรับให้ปุ๋ ย มากขึ้นตามความเหมาะสม

ปลูกแบบขึ้นค้าง เทคนิคสำคัญเพิ่มผลผลิต ประหยัดพื้นที่ รูปทรงสวยงาม การปลูกแบบขึ้นค้าง ประหยัดพื้นที่กว่าการปล่อยให้เลื้อยตามดิน แ ม ล ง รบกวนน้อยได้ผลผลิตและจำนวนต้นเพิ่มมากขึ้น ต้นกล้าหลังจากหยอดเมล็ดได้ 5 วัน เริ่มย้ายปลูกได้ หลังลงปลูก 1O วัน เริ่มปักไม้และขึงเชือก 12-14 วัน ผูกเชือกเพื่อยกยอดแต่ละต้นให้ไต่ขึ้นไปตามเชือกในแนวตั้ง

หลังลงปลูก 1O วัน เริ่มปักไม้และขึงเชือก หลังปลูก 25-3O วัน ดอกตัวเมียพร้อมผสม ช่วยผสมโดยนำเกสรตัวผู้จากดอกตัวผู้มาแต้มที่ดอกตัวเมียที่มีลักษณะผลเล็กๆ ที่ขั้ว จะช่วยทำให้ติดผลดีและดกกว่าปล่อยให้ติดลูกเอง12-14 วัน ผูกเชือกเพื่อยกยอดแต่ละต้นให้ไต่ขึ้นไปตามเชือกในแนวตั้ง หลังจากผสมเกสร 7-1O วัน ก็จะติดลูกให้เห็นชัดเจน ผลเมื่อแก่เต็มที่ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลส้ม ขั้วสีเขียวจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน อายุนับจากผสมเกสร ประมาณ 4O-5O วัน

หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วผลผลิตเก็บไว้ได้โดยไม่ต้องแช่เย็น 2 เดือน หลังปลูก 25-3O วัน ดอกตัวเมียพร้อมผสมเกสร ปลูก 3 เดือน เก็บผลผลิตได้ ฟันรายได้หลักแสนฟักทองบัตเตอร์นัท เป็นพืชที่ปลูกไม่ ย า ก แต่ต้องอาศัยการดูแลและเอาใจใส่ ช่วงหน้าร้อนและหน้าฝนตั้งแต่เพาะเมล็ดจนถึงเก็บเกี่ยว ใช้เวลา 80-9O วัน หน้าหนาว 1OO-11O วันเก็บผลผลิตได้ประมาณ 2.5 ตัน 1 รอบการปลูก ทั้งขายผลผลิตและเมล็ดพันธุ์ 1 ตัน สร้างรายได้ 80,OOO บาท… 2 ตัน เป็นเงินแสนกว่าบาท

1 ไร่ ปลูกได้ 2,5OO ต้น ถ้าเราคิดทุกอย่าง ค่าเมล็ดพันธุ์ เมล็ดละ 2 บาท เป็นเงิน 5,OOO บาท ปุ๋ ย 1 รอบการปลูก ใช้ 3 กระสอบ กระสอบละ 2,5OO บาท เป็นเงิน 7,5OO บาท ต่อไร่ ค่าน้ำไม่เสียเพราะดูดจากสระ ค่าไฟ 5OO บาทค่าแรงจ้างมาเตรียมดิน รวมแล้วเกิน 1O,OOO บาท ไม่มาก แต่ถ้าเริ่มปลูกครั้งแรกจะมีค่าไม้ปักค้างและเชือกขึงค่อนข้างหลายบาท แต่รุ่นต่อไปจะสบายละ เพราะสามารถใช้ได้นานนับปีนอกจากการขายผล คุณนิยังมีเมล็ดพันธุ์ฟักทองบัตเตอร์นัทขาย เมล็ดละ 2 บาท สนใจสอบถามข้อมูล วิ ธี การปลูก หรือสนใจเมล็ดพันธุ์ฟักทองบัตเตอร์นัท ติดต่อ คุณทาริกา วงค์น้อย (คุณนิ) ได้ที่เบอร์โทร. O81–885–7747

คุณประโยชน์ของฟักทอง ฟักทอง ผักที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีสรรพคุณทางยามากมาย ราคาถูก ไขมันต่ำ และให้พลังงานน้อยหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ผลผลิตเก็บไว้ได้โดยไม่ต้องแช่เย็น 2 เดือน

ขอบคุณที่มา เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ ผู้เขียนเรียบเรียงโดย เพจธรรมะเกษตรก้าวหน้า