คำว่า “บ้านนอก” มีความหมายว่า นอกเมือง นอกกรุง ที่ดำเนินชีวิตไปตามกรอบสภาพแวดล้อม วัฒนธรรมท้องถิ่นและธรรมชาติ อย่างไร้ไม่มีระบบ กฏเกณฑ์อย่างเคร่งครัดเหมือนสังคมเมือง เป็นสังคมที่อิงฤดูกาล
การเอาตัวรอดอย่างปกติ ไม่เร่งรีบ แข่งขัน เมื่อเราเดินทางไปบ้านนอกจึงปรากฏดั่งที่เป็นอยู่ของตนเองอย่างอิสระ
ยังมีเหลืออยู่ไหมครับชีวิตทีมีความสูขไม่ต้องคิดอะไรมาก เคยอยู่แบบนี้ตอนเด็กๆมีความมาก อยากกลับไปอยู่แบบเดิมมีความสุขมากขอบอกครับ
ปัจจุบัน “บ้านนอก” มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก มีแนวโน้มตามสังคมเมืองมากขึ้นเช่น พฤติกรรม การกินการซื้อ การบริโภค การเดินทางด้วยรถมากขึ้น
การปลูกบ้านแบบเมือง การเน้นตัวเงินเป็นหลัก การทำงานหาเงิน การไร้เวลา ความเครียด และความกังวลเรื่องหนี้ ลูกและอาหาร
สิ่งที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในบ้านนอกคือ การพึ่งพากันการเดินทางไปมาหาสู่กัน ความอิสระในรัศมีพื้นที่กว้างขวาง
การอิงกับธรรมชาติ การไร้กฏกหมาย กฏระเบียบที่เคร่งครัดมากไป การอยู่กันแบบชาวบ้านการมีที่เพาะปลูกผัก พืช ไม้
อย่างไรก็ตาม ชีวิตชนบทหรือบ้านนอก ก็ยังคงมีเสน่ห์แบบลูกทุ่งอยู่เห็นชาวบ้านเพาะปลูกผักกินเองมากขึ้น เลี้ยงวัว ควายมากขึ้น
มีดอกพยอมหอมหวลฟุ้งกระจายไปตามทุ่งนาป่าไม้เห็นดอกจานบานแดงอย่างโดดเด่น ได้เห็นฟางข้าว หนอง
กระต๊อบนา หญ้า ไม้ ฯ นั่นคือ องค์ประกอบของคำว่า ชนบทหรือบ้านนอกครับสิ่งที่ประทับใจในบ้านนอกคือ อากาศบริสุทธิ์ เสียงนก เสียงกา (ตัวสีดำ) ดอกไม้ ทุ่งนา ป่าละเมาะ บางที่ก็ปลูกข้าวนาปรัง เป็นสีเขียวดูแล้วสดชื่นสายตา