Saturday, 27 July 2024

“ครูไอซ์ “เปิดเผยว่า ตนไม่ใช่คนเก่ง แต่เป็นคนขยัน มีความพยายาม และไม่ยอมแพ้ แม้มองไม่เห็น แต่ก็สอนใจ

แห่ชื่นชม.. ครูไอซ์ ครู พิ ก ารทางสาย ต า 2 ข้าง วัย 25 ปี ที่สอนนักเรียนปกติ เผยมุ่งมั่นอยากเป็นครู จนเรียนจบการศึกษาได้เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาฯ พร้อมเผยเทคนิคการสอนฉบับครู พิ ก ารทางสาย ต า

ชาวเน็ตแห่ชื่นชมและแชร์โพสต์ของ เฟซบุ๊ก Voralux Issarungkula Na Ayudhya พิธีกรรายการ ที่นี่ ThaiPBS ที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของ นายดำเกิง มุ่งธัญญา อายุ 25 ปี หรือ ครูไอซ์ ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพมหานคร โดยครูไอซ์เป็นผู้พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง แต่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นครู กระทั่งจบการศึกษาคณะครุศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษขั้นสูง และยังได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ครูไอซ์ เปิดเผยว่า ตนไม่ใช่คนเก่ง แต่เป็นคนขยัน มีความพยายาม และไม่ยอมแพ้ ตัวของครูไอซ์เริ่มสอนครั้งแรกให้กับเพื่อนร่วมชั้นที่มองไม่เห็นเหมือนกัน โดยสอนเรื่องการบ้านและเรื่องทั่ว ๆ ไป” แล้วก็ขยับมาสอนเด็กปกติ ซึ่งเป็นหลานของตัวเอง เมื่อมาเรียนในมหาวิทยาลัย เขามีโอกาสได้เข้าร่วมจัดค่ายสำหรับแนะแนวน้องมัธยม ทำให้มีรุ่นน้องบางคนสนใจขอให้ช่วยสอนวิชาภาษาอังกฤษที่เขาถนัดให้บ้างเป็นบางครั้ง และติวข้อสอบเพื่อสอบเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย

โดยเทคนิคการสอนของครูไอซ์จะนำเอกสารการเรียนไปเข้าโปรแกรมอ่านเป็นเสียงจากนั้นครูไอซ์จะฟัง และนำไปพิมพ์เป็นอักษรเบรลล์ ต่อมาจึงนำมาทำเป็น Powerpoint สอนนักเรียน ส่วนการจดจำนักเรียนจำนวนมากนั้น ครูไอซ์จะพยายามฟังเสียงและจำเสียงของเด็กทุกคนให้ได้ รวมถึงพยายามหากิจกรรมสอดแทรกในชั่วโมงเรียนให้เด็กทุกคนเรียนได้อย่างสนุก อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตจำนวนมากได้คอมเมนต์ชื่นชมในความมุ่งมั่นและจิตวิ ญ ญ า ณ ความเป็นครูของครูไอซ์ รวมถึงให้กำลังใจครูไอซ์ในการทำหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติต่อไป

ซึ่งเรื่องราวของครูไอซ์ “ความอยากเป็นครู” จึงไม่ได้เกิดจากการมองเห็น แต่เป็นการรับรู้และเข้าใจ ไม่แปลกที่ฉันกับเขา แม้เราจะมีความสามารถในการรับรู้กันคนละอย่าง แต่กลับมีความฝันอยากเป็นครูเหมือนกัน เขาเล่าให้ฉันฟังว่ามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อตอน ม.3

“เคยมีเพื่อนในห้องสูบบุหรี่ ถ้าเป็นครูคนอื่นเขาคงจะบอกหัวหน้าระดับไปแล้ว แต่ครูคนนี้เขาเลือกทำโทษเอง เพราะถ้าไปบอกหัวหน้าระดับ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที ยิ่งช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เด็กอาจจะโดนพักการเรียน จนไม่กลับมาเรียนเลยก็ได้” เหตุการณ์ดังกล่าวได้กลายมาเป็นจุดเริ่มที่เขาเลือกมาเรียน “ครู”

ช่วงเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ๆ เป็นช่วงที่พี่ไอซ์รู้สึกว่ามีปัญหามากที่สุด “ตอนนั้นยังไม่รู้จักใคร ก็เลยไม่มีใครคอยช่วยเหลือ ไม่มีคนคอยดูเรื่องอักษรเบรลล์ เวลาจะไปไหน จะทำอะไรก็ดูยากดูลำบากไปเกือบทุกเรื่อง” แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เขาย้ำว่าจำได้ไม่เคยลืม

ความบกพร่องทำให้เขาเป็นจุดสนใจของทุกคน ขณะเดียวกันก็อาจเป็นช่องว่างให้นักเรียนบางคนแสดงพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ออกมาตามประสาของเด็กวัยกำลังซน เด็กหญิงคนหนึ่งฟุบหลับ อีกคนหยิบโทรศัพท์มากดเล่น เด็กชายที่นั่งแถวหลังหยิบแบบฝึกหัดวิชาอื่นขึ้นมาทำ ครูหนุ่มรู้ว่าต้องเกิดปัญหาแบบนี้ เขาแก้ไขโดยแกล้งเรียกชื่อนักเรียนแถวหลังให้ลุกตอบ แต่ส่วนใหญ่จะให้ทำกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนในห้องได้มีส่วนร่วม

ครูไอซ์เลือกใช้วิธีการเสริมแรงทางบวก เช่น ให้คำชม ให้ขนมเป็นรางวัล และเลี่ยงวิธีการเสริมแรงทางลบ อย่างการตำหนิ หรือทำโทษ ในกระเป๋าเสื้อของครูจึงเต็มไปด้วยลูกอมหลากสีหลากรส และในเป้ใบโตก็ยังมีขนมห่อใหญ่ เอาไว้สำหรับเด็กที่ตั้งใจเรียนคาบนี้ครูไอซ์สอนโดยการบรรยายแล้วให้เล่นเกม เป็นเกมบันไดงู ตัวกระดานทำจากกระดาษขนาดใหญ่พิเศษ ตารางแต่ละช่องระบุคำถามเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยลูกเต๋ายักษ์สีชมพู ครูหนุ่มกำหนดกติกา นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมาทอยลูกเต๋า ได้แต้มเท่าไหร่ให้ตอบคำถามที่อยู่ในช่องนั้น ตอบถูกอาจได้อยู่หรือเดินหน้าขึ้นอยู่กับคำสั่ง ตอบผิดต้องถอยกลับไปที่เดิม

หากจะร้องไห้ ขอให้ร้องไห้ เพราะภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ใช่เพราะความเสียใจ